วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2562


4.เพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรอย่างไร จงอธิบายหลักการของแนวคิดการจัดการเชิงบริหาร

79 ความคิดเห็น:

  1. การจัดการทางการบริหาร การจัดการทางการบริหารเน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ ” ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด

    ดังนั้นผู้บริหารควรนำหลักการจัดการ 14 ประการของอองรี ฟาโยล มาปฏิบัติในองค์กรเพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ

    (นางสาว สรัสนันท์ บุญมี 12590080)

    ตอบลบ
  2. เพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาประยุกต์ใช้กับองค์กรได้ทั้งองค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรใดๆ หรือแบบใดก็จะต้องมีหลักการในการบริหารจัดการองค์กรที่ดีเพื่อที่การทำงานจะได้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยหลักการบริหารของ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ ” มีทั้งหมด 14 ข้อซึ่งทุกข้อก็สามารถนำมาใช้ในองค์กรได้
    1. การจัดแบ่งกลุ่มแรงงานตามความชำนาญ (Specialization of labor) การที่มีการแบ่งงานกันทำในแบบที่แต่ละคนมีเวลาที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนได้ ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    2. อำนาจหน้าที่ (Authority) การทำให้คนบริหารงานระดับต่างๆ มีสิทธิที่จะสั่งการ และมีอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง
    3. กฎระเบียบและวินัย (Discipline) การต้องมีกฎระเบียบที่คนจะต้องปฏิบัติตาม ไม่หย่อนยานและไม่มีคนบิดพลิ้ว
    4. ความเป็นเอกภาพทางคำสั่ง (Unity of command) คนทำงานแต่ละคนจะมีคนสั่งการเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ให้มีการออกคำสั่งและมีคนบริหารระดับรองลงไปนำไปบริหารจัดการอีกที่หนึ่ง (Each employee has one and only one boss.)
    5. ความเป็นเอกภาพในทิศทาง (Unity of direction) องค์กรต้องมีทิศทางที่ชัดเจน และมีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง มีแผนงานที่จะต้องร่วมกัน และแต่ละฝ่ายนำแผนไปปฏิบัติตามนั้น
    6. ผลประโยชน์ขององค์กรเหนือผลประโยชน์บุคคล (Subordination of Individual Interests) ในช่วงการทำงานนั้น งานย่อมต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งแนวคิดนี้เป็นความแตกต่างไปจากองค์กรแบบครอบครัวซึ่งมีในสมัยก่อนและแม้ในปัจจุบัน ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนงานและองค์กรแยกกันไม่ออก
    7. การมีระบบรางวัลค่าตอบแทน (Remuneration) ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับค่าตอบแทนจากบริการอย่างยุติธรรม และทางบริษัทหรือองค์กรก็ต้องปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้นั้น
    8. การบริหารงานแบบรวมศูนย์ (Centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การมีระบบสายบังคับบัญชา (Scalar Chain) หรือในภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า line of authority เป็นสายการบังคับบัญชาที่แต่ละฝ่ายจะรู้กันจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง คล้ายกับการสั่งการของกองทัพ
    10. การมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Order) ในการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ต้องมีคนจำนวนมาก และการสื่อสารต่างๆ ต้องมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดให้มีการจัดเก็บ ณ ที่ๆ คนจะใช้เป็นที่อ้างอิงได้
    11. ความยุติธรรมและเสมอภาค (Equity) การได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเหมือนๆ กัน ทั้งนี้เป็นความแตกต่างจากระบบในสมัยก่อนหน้านั้นที่มีระบบพรรคพวก และญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันและไม่เสมอภาค
    12. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Personnel Tenure) เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง มีการลาออกจากงานต่ำ จึงให้มีระบบการจ้างงานตลอดชีพ หรือจนเกษียณอายุสำหรับคนทำงานที่ดี
    13. การต้องมีความริเริ่ม (Initiative) ในการดำเนินการขององค์กรต้องมีการวางแผน คิดแผนที่จะต้องริเริ่ม และทำไปให้ได้ตามแผน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความแตกต่างจากการทำงานแบบกิจวัตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการปรับเปลี่ยนและการเติบโตขององค์กรได้
    14. การต้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกัน (Esprit de corps) ทั้งนี้เพื่อความราบรื่นในการทำงาน ความเป็นกลุ่มก้อน ความผูกพันของคนทำงาน
    (นางสาว ณัฐฐา จินตกวีพันธุ์ 12590020)

    ตอบลบ
  3. การบริหารจัดการองค์กรเพื่อให้มีเอกภาพนั้น ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรโดยใช้หลักการจัดการ 14 ประการของอองรี ฟาโยล์ดังนี้
    1. การจัดแบ่งกลุ่มแรงงานตามความชำนาญ (Specialization of labor) การที่มีการแบ่งงานกันทำในแบบที่แต่ละคนมีเวลาที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนได้ ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    2. อำนาจหน้าที่ (Authority) การทำให้คนบริหารงานระดับต่างๆ มีสิทธิที่จะสั่งการ และมีอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง
    3. กฎระเบียบและวินัย (Discipline) การต้องมีกฎระเบียบที่คนจะต้องปฏิบัติตาม ไม่หย่อนยานและไม่มีคนบิดพลิ้ว
    4. ความเป็นเอกภาพทางคำสั่ง (Unity of command) คนทำงานแต่ละคนจะมีคนสั่งการเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ให้มีการออกคำสั่งและมีคนบริหารระดับรองลงไปนำไปบริหารจัดการอีกที่หนึ่ง (Each employee has one and only one boss.)
    5. ความเป็นเอกภาพในทิศทาง (Unity of direction) องค์กรต้องมีทิศทางที่ชัดเจน และมีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง มีแผนงานที่จะต้องร่วมกัน และแต่ละฝ่ายนำแผนไปปฏิบัติตามนั้น
    6. ผลประโยชน์ขององค์กรเหนือผลประโยชน์บุคคล (Subordination of Individual Interests) ในช่วงการทำงานนั้น งานย่อมต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งแนวคิดนี้เป็นความแตกต่างไปจากองค์กรแบบครอบครัวซึ่งมีในสมัยก่อนและแม้ในปัจจุบัน ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนงานและองค์กรแยกกันไม่ออก
    7. การมีระบบรางวัลค่าตอบแทน (Remuneration) ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับค่าตอบแทนจากบริการอย่างยุติธรรม และทางบริษัทหรือองค์กรก็ต้องปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้นั้น
    8. การบริหารงานแบบรวมศูนย์ (Centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การมีระบบสายบังคับบัญชา (Scalar Chain) หรือในภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า line of authority เป็นสายการบังคับบัญชาที่แต่ละฝ่ายจะรู้กันจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง คล้ายกับการสั่งการของกองทัพ
    10. การมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Order) ในการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ต้องมีคนจำนวนมาก และการสื่อสารต่างๆ ต้องมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดให้มีการจัดเก็บ ณ ที่ๆ คนจะใช้เป็นที่อ้างอิงได้
    11. ความยุติธรรมและเสมอภาค (Equity) การได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเหมือนๆ กัน ทั้งนี้เป็นความแตกต่างจากระบบในสมัยก่อนหน้านั้นที่มีระบบพรรคพวก และญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันและไม่เสมอภาค
    12. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Personnel Tenure) เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง มีการลาออกจากงานต่ำ จึงให้มีระบบการจ้างงานตลอดชีพ หรือจนเกษียณอายุสำหรับคนทำงานที่ดี
    13. การต้องมีความริเริ่ม (Initiative) ในการดำเนินการขององค์กรต้องมีการวางแผน คิดแผนที่จะต้องริเริ่ม และทำไปให้ได้ตามแผน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความแตกต่างจากการทำงานแบบกิจวัตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการปรับเปลี่ยนและการเติบโตขององค์กรได้
    14. การต้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกัน (Esprit de corps) ทั้งนี้เพื่อความราบรื่นในการทำงาน ความเป็นกลุ่มก้อน ความผูกพันของคนทำงาน
    (นายนภนต์ เจียรนัย 1259040)

    ตอบลบ
  4. การจัดการเชิงบริหารริเริ่มกำหนดกิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ หน้าที่ทางการจัดการคุณลักษณะของผู้จัดการและหลักการจัดการเพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรตามหลักการแนวคิดการจัดการเชิงบริหาร
    1.การแบ่งงานกันทำ(Division of Work)แบ่งงานกันทำตามความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะด้านเพื่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในการทำงาน
    2.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ(Authority and Responsibilities)กำหนดให้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นของคู่กัน ดังนั้นในการทำงานใดๆ หากมีการให้อำนาจหน้าที่ก็จะต้องให้ความรับผิดชอบในงานนั้นๆด้วย และหากให้ความรับผิดชอบก็จะต้องมอบอำนาจหน้าที่ให้ด้วย
    3.ระเบียบวินัย(Discipline)ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4.เอกภาพในการบังคับบัญชา(Unity of Command)การที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวเพื่อมิให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสับสน
    5.เอกภาพในแนวทาง(Unity of Direction)ส่วนต่างๆขององค์กรควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6.ประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ประโยชน์ส่วนรวม(Subordination of Individual to General Interest)บุคลากรในองค์กรต้องยึดถือผลประโยชน์โดยรวมขององค์กรสำคัญกว่าผลประโยชน์ของแต่ละบุคคล
    7.ผลประโยชน์ตอบแทน(Remuneration)การกำหนดค่าตอบแทนต้องชัดเจนและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
    8.การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง(Centralization)การกำหนดศูนย์กลางในการใช้อำนาจไว้ที่ผู้บังคับบัญชาโดยผู้บังคับบัญชาอาจกระจายอำนาจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาตามควรแก่กรณี
    9.การจัดสายการบังคับบัญชา(Scalar Chain)การบริหารงานต่างๆภายในองค์กรจะต้องระบุสายงานการบังคับบัญชาทั้งแนวดิ่งและแนวราบให้ชัดเจนโดยเฉพาะการจัดลำดับสายงานจากผู้บริหารสูงสุด ไปจนถึงพนักงานระดับล่างสุด เพื่อให้เข้าใจนางทางการติดต่อสื่อสาร การรายงานผลการปฏิบัติงานและการสั่งการภายในองค์กรที่ชัดเจน
    10.การสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย(Order)การจัดการวัสดุอุปกรณ์ต่างๆจะต้องจัดเก็บให้เป็นระบบระเบียบและจัดวางไว้ยังตำแหน่งที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ
    11.ความเสมอภาค(Equity)การสร้างความยุติธรรมในการทำงานโดยเน้นพิจารณาความดีความชอบจากผลงานที่มีความสำเร็จหรือผลงานเสมอกันจะได้รับผลตอบแทนเท่าเทียมกัน
    12.ความมั่นคงในการจ้างงาน(Stability of Tenure)การสร้างความรู้สึกมั่นคงในการจ้างงานให้แก่พนักงานไม่รู้สึกหวาดหวั่นต่อความรู้สึกที่อาจถูกเลิกจ้างในเวลาใดก็ได้
    13.ความคิดริเริ่ม(Initiative)การส่งเสริมให้สมาชิกขององค์กรได้มีความกล้าที่จะแสดงความคิดริเริ่มในการทำงาน
    14.ความสามัคคี(Esprit de Corps)การส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร
    (นางสาวอัมรินทร์ เกมอ 12590105)

    ตอบลบ
  5. แนวคิดการจัดการเชิงบริหาร เกิดจากความพยายามของนักคิดและนักวิชาการที่คิดค้น(อองรี ฟาโยล์)กำหนดหลักการบริหารที่ชัดเจน คือ การริเริ่มกำหนดกิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ หน้าที่ทางการจัดการ คุณลักษณะของผู้จัดการ และหลักการจัดการ
    เพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ มีการจัดแบ่งงานตามความสามารถ หรือความเชี่ยวชาญพิเศษของแต่ละคน เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority and Responsibilities) ผู้จัดการต้องสามารถออกคำสั่งได้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทำให้คำสั่งที่ออกไปนั้นมีความถูกต้องและเกิดความรับผิดชอบควบคู่กันไป เมื่อใดที่มีการใช้อำนาจหน้าที่ เมื่อนั้นความรับผิดชอบก็จะต้องติดตามไปด้วย
    3. ระเบียบวินัย (discipline) คือ ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4. เอกภาพของสายบังคับบัญชา (unity of command) พนักงานหรือลูกจ้างทุกคนจะได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว สายบังคับบัญชาจะมีลักษณะเป็นทอดๆไป แต่ละคนจะรู้ว่าใครคือเจ้านายของตน
    5. เอกภาพในแนวทาง (unity of direction) ส่วนต่างๆขององค์กร ควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6. ประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม(Subordination of Individual to General Interests) คนที่เข้ามาทำงานในองค์การนั้นจะต้องยอมรับว่าผลประโยชน์ขององค์การสำคัญกว่าผลประโยชน์ของแต่ละบุคคล
    7. ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) องค์การต้องกำหนดค่าตอบแทนที่ชัดเจนให้เหมาะสมแก่ความสามารถและยุติธรรมกับทุกฝ่าย
    8. การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การจัดสายการบังคับบัญชา(scalar chain) ภายในองค์กรต้องระบุสายบังคับบัญชาจากผู้บริหารสูงสุด ไปจนถึงพนักงานระดับล่างสุด เพื่อให้เข้าใจแนวทางการติดต่อสื่อสาร การรายงานผล การปฏิบัติและการสั่งการภายในองค์กรที่ชัดเจน
    10. การสร้างความเป็นระเบียบ (order) การจัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ต่างๆต้องจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ รวมถึงคนด้วยต้องคัดเลือกตำแหน่งให้เหมาะสม
    11. ความเสมอภาค (equity) ในที่นี้ ผู้เป็นหัวหน้าจะต้องมีการตอบสนองต่อผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างมีเมตตา และยุติธรรม การใช้อำนาจของผู้บริหารจะเป็นไปด้วยหลักการ มิใช่จะทำอะไรได้ตามใจ
    12. ความมั่นคงในการจ้างงาน (stability of tenure )
    ต้องสร้างความรู้สึกมั่นคงให้แก่พนักงานเพื่อให้พนักงานไม่รู้สึกกลัวว่าจะถูกเลิกจ้างในเวลาใดก็ได้
    13. การคิดริเริ่ม (initiative)การส่งเสริมให้สมาชิกขององค์กรได้มีความกล้าที่จะแสดงความคิดในการทำงาน กล้าคิด กล้าทำ
    14. ความสามัคคี(esprit de corps) การส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร เพื่อความราบรื่นในการทำงาน อยู่กันอย่างครอบครัว
    (นางสาวปรมาพร สิงขรรัตน์ 12590046)

    ตอบลบ
  6. อองรี ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ หลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด
    (ชนกนาฎ สหทรัพย์เจริญ 12590012)

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ1 สิงหาคม 2562 เวลา 04:53

    4.เพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรอย่างไร จงอธิบายหลักการของแนวคิดการจัดการเชิงบริหาร
    - การจัดการทางการบริหาร เน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work)
    คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility)
    อำนาจหน้าที่ คือสิทธิในการออกคำสั่ง เพื่อให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ คือความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline)
    คือ การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command)
    ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน และควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest)
    เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration)
    การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization)
    คือ การบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain)
    สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order)
    ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ให้ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity)
    ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel)
    องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative)
    ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps)
    ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด

    จาก 14 หลักการจัดการที่กล่าวมา เป็นหลักการจัดการ เพื่อให้ผู้บริหารนำไปปฏิบัติ ซึ่งเป็นการทำให้องค์กรมีการบริหารจัดการที่มีเอกภาพ
    (อภิษฐา เนียมศิริ 12590101)

    ตอบลบ
  8. การจัดการเชิงบริหาร ( Administrative Management) เน้นและให้ความสำคัญกับผู้บริหารเป็นหลัก ดังนั้นจึงมีความเชื่อว่าหลักการจัดการอันเป็นสากลสามารถทำให้องค์การประสบความสำเร็จ ซึ่งผู้ที่มีบทบาทต่อการพัฒนาแนวคิดการจัดการเชิงบริหาร
    คือ Henry Fayol ตามแนวความคิด Fayol เชื่อว่าการบริหารเป็นสิ่งที่สามารถสอนกันได้ดังนั้น Fayol จึงพยายามสร้างหลักการต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้บริหารหลักการบริหาร ได้ดังนี้
    หน้าที่ทางการจัดการ 5 ประการ ได้แก่
    1. การวางแผน (Planning) 2. การจัดองค์การ (Organizing) 3. การสั่งการ (Commanding)
    4. การประสานงาน (Coordinating) 5. การควบคุม (Controlling)
    กิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ 6 ประการ ได้แก่
    1.เทคนิคและการผลิต (Technical & Production) 2.การพาณิชย์การเงิน (Commercial)
    3.ความมั่งคง (Security) 4.การบัญชี (Accounting 5.การจัดการ (Management)
    นอกจากนี้ Fayol ยังคิดค้นหลักการจัดการขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้บริหารทำงานและประสบความสำเร็จ คือ
    1. การแบ่งงานกันทำ แบ่งงานกันทำตามความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะด้านเพื่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในการทำงาน
    2. อำนาจหน้าที่ กำหนดให้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นของคู่กัน
    3. เอกภาพการสั่งการ ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4. วินัย การที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวเพื่อมิให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสับสน
    5. เอกภาพในทิศทาง ส่วนต่างๆขององค์กรควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6. เน้นผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว บุคลากรในองค์กรต้องยึดถือผลประโยชน์โดยรวมขององค์กรสำคัญกว่าผลประโยชน์ของแต่ละบุคคล
    7. ผลตอบแทนต้องยุติธรรม การกำหนดค่าตอบแทนต้องชัดเจนและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
    8. ควรกระจายอำนาจในการทำงาน การกำหนดศูนย์กลางในการใช้อำนาจไว้ที่ผู้บังคับบัญชาโดยผู้บังคับบัญชาอาจกระจายอำนาจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาตามควรแก่กรณี
    9. สายการบังคับบัญชา )การบริหารงานต่างๆภายในองค์กรจะต้องระบุสายงานการบังคับบัญชาทั้งแนวดิ่งและแนวราบให้ชัดเจนโดยเฉพาะการจัดลำดับสายงานจากผู้บริหารสูงสุด ไปจนถึงพนักงานระดับล่างสุด เพื่อให้เข้าใจนางทางการติดต่อสื่อสาร การรายงานผลการปฏิบัติงานและการสั่งการภายในองค์กร
    10. ระเบียบ การจัดการวัสดุอุปกรณ์ต่างๆจะต้องจัดเก็บให้เป็นระบบระเบียบและจัดวางไว้ยังตำแหน่งที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ
    11. ความยุติธรรม การสร้างความยุติธรรมในการทำงานโดยเน้นพิจารณาความดีความชอบจากผลงานที่มีความสำเร็จหรือผลงานเสมอกันจะได้รับผลตอบแทนเท่าเทียมกัน
    12. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน การสร้างความรู้สึกมั่นคงในการจ้างงานให้แก่พนักงานไม่รู้สึกหวาดหวั่นต่อความรู้สึกที่อาจถูกเลิกจ้างในเวลาใดก็ได้
    13. ควรมีความคิดริเริ่ม การส่งเสริมให้สมาชิกขององค์กรได้มีความกล้าที่จะแสดงความคิดริเริ่มในการทำงาน
    14. ต้องมีความสามัคคี การส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร
    (นางสาว ปวีณา เกตุแย้ม 12590047)

    ตอบลบ
  9. เมื่อองค์กรมีหลากหลายฝ่ายย่อยๆอยู่ภายใน องค์กรควรให้ความสำคัญกับกระบวนการต่างๆทั้งกิจกรรมหลัก หน้าที่ทางการจัดการ คุณลักษณะของผู้จัดการ เพื่อใช้ในการยึดองค์กรให้มีเอกภาพ
    หลักการจัดการ 14 ประการ
    การแบ่งงานกันทำ (Division of work)
    อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility)
    ระเบียบวินัย (Discipline)
    เอกภาพในการบังคับบัญชา (Unity of command)
    เอกภาพในทิศทางขององค์กร (Unity of direction)
    ประโยชน์ของส่วนรวมอยู่เหนือประโยชน์ส่วนบุคคล (Subordination of Individual to general interest)
    ค่าตอบแทนที่เหมาะสม (Remuneration)
    การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (Centralization)
    การจัดสายการบังคับบัญชา (Scalar Chain )
    มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย (Order)
    ความเสมอภาค (Equity)
    ความมั่นคงในการทำงานของพนักงาน (Stability of Tenure)
    ความคิดริเริ่ม (Initiative)
    มีสามัคคีจิต (Esprit de Corps )
    (นางสาวณัฐนรี สีทองสุก 12590022)

    ตอบลบ
  10. การจัดการทางการบริหาร เน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (Division of work)
    คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility)
    อำนาจหน้าที่ คือสิทธิในการออกคำสั่ง เพื่อให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ คือความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (Discipline)
    คือ การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (Unity of command)
    ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (Unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน และควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (Subordination of individual interest)
    เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration)
    การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (Centralization)
    คือ การบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (Scalar Chain)
    สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (Order)
    ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ให้ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (Equity)
    ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (Stability of personnel)
    องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (Initiative)
    ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (Esprit de corps)
    ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด

    (นางสาวสุรีรัตน์ สระเกตุ 12590098)

    ตอบลบ
  11. แนวคิดการจัดการเชิงบริหาร การจัดการทางการบริหารเน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล์ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ บิดาแห่งทฤษฎีการจัดการแนวใหม่ ” ฟาโยล์ ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. ระเบียบวินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพในการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพในแนวทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. การจัดสายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. การสร้างความเป็นระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความเสมอภาค (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. ความคิดริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด
    (นางสาวกรกนก จันทร์พันธุ์ 12590003)

    ตอบลบ
  12. หลักการบริหาร 14 ข้อ
    1. การมีเอกภาพในการบังคับบัญชา (Unity of Command)
    2. การมีเอกภาพในการสั่งการ (Unity of Direction)
    3. การแบ่งงานกันทำ (Division of Work)
    4. การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (Centralization)
    5. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility)
    6. ความเสมอภาค (Equity)
    7. สายการบังคับบัญชา (Scalar Chain)
    8. การให้ผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration)
    9. การมีระเบียบข้อบังคับ (Order)
    10. ความมีระเบียบวินัย (Discipline)
    11. ความคิดริเริ่ม (Initiative)
    12. ผลประโยชน์ของบุคคลควรจะเป็นรองจากผลประโยชน์ส่วนรวม (Sulxordination of Individual Interest to the General Personnel)
    13. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Stability of Lenore of Personnel)
    14. ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (Esprit de Crope)
    (อารียา ปานทอง 12590109 )

    ตอบลบ
  13. อองรี ฟาโยล์ หรือบิดาแห่งทฤษฎีการจัดการแนวใหม่ ได้ให้หลักการบริหารจัดการดังนี้
    1.การแบ่งงานกันทำ แบ่งตามความสามารถความชำนาญเฉพาะด้านเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในงาน
    2.อำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ กำหนดให้อำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบเป็นของคู่กัน ดังนั้นในการทำงาน หากมีการให้อำนาจหน้าที่ก็จะต้องให้ความรับผิดชอบในงานนั้นด้วย
    3.ระเบียบวินัย ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4.เอกภาพในการบังคับบัญชา การที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวเพื่อมิให้เกิดความสับสน
    5.เอกภาพในแนวทาง ส่วนต่างๆขององค์กร ควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานไปทิศทางเดียวกัน
    6.ประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม บุคลากรในองค์กรต้องยึดถือผลประโยชน์ โดยรวมขององค์กรสำคัญกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว
    7.ผลตอบแทน กำหนดค่าตอบแทนให้ชัดเจน
    8.การวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง การกำหนดศูนย์กลางในการใช้อำนาจไว้ที่ผู้บังคับบัญชา โดยผู้บังคับบัญชาอาจกระจายอำนาจแก่ผู้ใต้บังคับตามความเหมาะสม
    9.การจัดสายการบังคับบัญชา
    10การสร้างความเป็นระเบียบ
    11.ความเสมอภาค สร้างความยุติธรรมในการทำงาน
    12.ความมั่นคงในการจ้างงาน การสร้างควาใรู้สึกมั่นคงในการจ้สงงานให้แก้พนักงาน
    13.ความคิดริเริ่ม ส่งเสริมให้สมาชิกองค์กร กล้าแสดงออก
    14.ความสามัคคี ส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีในองค์กร
    น.ส. วราภรณ์ ขันสมบัติ 12590069

    ตอบลบ
  14. การที่จะบริหารจัดการองค์กรให้มีความเป็นเอกภาพได้นั้น ผู้บริหารควรมีการยึดนำหลักการแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารเขามาปรับใช้ภายในองค์กร โดยมีหลักการบริหาร 14 ข้อ ดังนี้
    1.การมีเอกภาพในการบังคับบัญชา (Unity of Command)
    2.การมีเอกภาพในการสั่งการ (Unity of Direction)
    3.การแบ่งงานกันทำ (Division of Work)
    4.การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (Centralization)
    5.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility)
    6.ความเสมอภาค (Equity)
    7.สายการบังคับบัญชา (Scalar Chain)
    8. การให้ผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration)
    9.การมีระเบียบข้อบังคับ (Order)
    10.ความมีระเบียบวินัย (Discipline)
    11.ความคิดริเริ่ม (Initiative)
    12.ผลประโยชน์ของบุคคลควรจะเป็นรองจากผลประโยชน์ส่วนรวม (Sulxordination of Individual Interest to the General Personnel)
    13.ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Stability of Lenore of Personnel)
    14.ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (Esprit de Crope)
    (ปิยาภรณ์ ชินวงค์พรหม 12590051)

    ตอบลบ
  15. การบริหารจัดการองค์กรเพื่อให้มีเอกภาพนั้น ควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรโดยใช้หลักการจัดการ 14 ประการของอองรี ฟาโยล์ดังนี้
    1. การจัดแบ่งกลุ่มแรงงานตามความชำนาญ (Specialization of labor) การที่มีการแบ่งงานกันทำในแบบที่แต่ละคนมีเวลาที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนได้ ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    2. อำนาจหน้าที่ (Authority) การทำให้คนบริหารงานระดับต่างๆ มีสิทธิที่จะสั่งการ และมีอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง
    3. กฎระเบียบและวินัย (Discipline) การต้องมีกฎระเบียบที่คนจะต้องปฏิบัติตาม ไม่หย่อนยานและไม่มีคนบิดพลิ้ว
    4. ความเป็นเอกภาพทางคำสั่ง (Unity of command) คนทำงานแต่ละคนจะมีคนสั่งการเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ให้มีการออกคำสั่งและมีคนบริหารระดับรองลงไปนำไปบริหารจัดการอีกที่หนึ่ง (Each employee has one and only one boss.)
    5. ความเป็นเอกภาพในทิศทาง (Unity of direction) องค์กรต้องมีทิศทางที่ชัดเจน และมีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง มีแผนงานที่จะต้องร่วมกัน และแต่ละฝ่ายนำแผนไปปฏิบัติตามนั้น
    6. ผลประโยชน์ขององค์กรเหนือผลประโยชน์บุคคล (Subordination of Individual Interests) ในช่วงการทำงานนั้น งานย่อมต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งแนวคิดนี้เป็นความแตกต่างไปจากองค์กรแบบครอบครัวซึ่งมีในสมัยก่อนและแม้ในปัจจุบัน ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนงานและองค์กรแยกกันไม่ออก
    7. การมีระบบรางวัลค่าตอบแทน (Remuneration) ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับค่าตอบแทนจากบริการอย่างยุติธรรม และทางบริษัทหรือองค์กรก็ต้องปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้นั้น
    8. การบริหารงานแบบรวมศูนย์ (Centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การมีระบบสายบังคับบัญชา (Scalar Chain) หรือในภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า line of authority เป็นสายการบังคับบัญชาที่แต่ละฝ่ายจะรู้กันจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง คล้ายกับการสั่งการของกองทัพ
    10. การมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Order) ในการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ต้องมีคนจำนวนมาก และการสื่อสารต่างๆ ต้องมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดให้มีการจัดเก็บ ณ ที่ๆ คนจะใช้เป็นที่อ้างอิงได้
    11. ความยุติธรรมและเสมอภาค (Equity) การได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเหมือนๆ กัน ทั้งนี้เป็นความแตกต่างจากระบบในสมัยก่อนหน้านั้นที่มีระบบพรรคพวก และญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันและไม่เสมอภาค
    12. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Personnel Tenure) เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง มีการลาออกจากงานต่ำ จึงให้มีระบบการจ้างงานตลอดชีพ หรือจนเกษียณอายุสำหรับคนทำงานที่ดี
    13. การต้องมีความริเริ่ม (Initiative) ในการดำเนินการขององค์กรต้องมีการวางแผน คิดแผนที่จะต้องริเริ่ม และทำไปให้ได้ตามแผน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความแตกต่างจากการทำงานแบบกิจวัตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการปรับเปลี่ยนและการเติบโตขององค์กรได้
    14. การต้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกัน (Esprit de corps) ทั้งนี้เพื่อความราบรื่นในการทำงาน ความเป็นกลุ่มก้อน ความผูกพันของคนทำงาน
    น.ส.อภัสสร ปูชนียกุล 12590100

    ตอบลบ
  16. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ

  17. แนวคิดด้านการบริหารจัดการ (Management Concept) ตลอดจนทฤษฎีองค์กร (Organization Theory) นั้น เป็นการนำเสนอกรอบความคิดในการบริหารจัดการการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนได้ผลผลิตที่มีประสิทธิผลไปพร้อมกันด้วย ในยุคปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะองค์กรเล็กหรือองค์กรใหญ่ต่างก็ต้องการการจัดการที่ดีทั้งนั้น เพื่อให้องค์กรสามารถก้าวหน้าได้ดีที่สุด Lyndall Urwick & Luther Gulick : สองนักทฤษฎีที่โดดเด่นในเรื่องทฤษฎีองค์กรและกระบวนการบริหารงาน ที่ให้ความสำคัญของการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารมากกว่าการทำงานของฝ่ายพนักงานระดับล่าง และมุ่งเน้นไปยังวิธีการทำงานตลอดจนพฤติกรรมการบริหารงานของผู้บริหารระดับสูงเป็นหลัก โดยหลักการที่เป็นที่รู้จักในระดับสากลนั้นก็คือ POSDCoRB ที่ทั้งสองเป็นหนึ่งในกลุ่มนักวิชาการที่ถูกกองทัพสหรัฐเรียกมารวมตัวกันช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อประเมินข้อผิดพลาดในการบริหารจัดการกองทัพและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งสองได้นำเสนอแนวคิดดังกล่าวที่เป็นภาระหน้าที่สำคัญของนักบริหารอันประกอบไปด้วยหน้าที่ 7 ประการดังนี้
    P – Planning : การวางแผน ตลอดจนการจัดวางโครงสร้างของการทำงาน รวมไปถึงการวางแผนการล่วงหน้าเพื่อเตรียมการ ไปจนถึงการวางแผนทำงานร่วมกันของฝ่ายต่างๆ
    O – Organizing : การจัดองค์กร ตั้งแต่การกำหนดโครงสร้าง ตำแหน่ง อำนาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ ตลอดจนการกำหนดส่งงาน แบ่งงานทำอย่างเป็นระบบระเบียบ
    S – Staffing : การจัดการเกี่ยวกับบุคคลากรในองค์กร ตั้งแต่การจัดอัตรากำลัง การสรรหา การจัดตำแหน่ง การพัฒนา เป็นต้น
    D – Directing : การอำนวยการ ตั้งแต่หน้าที่ในการตัดสินใจ วินิจฉัย สั่งการ ออกคำสั่ง ไปจนถึงการมอบหมายภารกิจให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนภาวะการเป็นผู้นำ
    Co – Co-ordinating : การประสานงานตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ให้การทำงานบรรลุเป้าหมายด้วยดี รวมไปถึงการประสานงานในแต่ละส่วนให้สอดคล้องกันด้วย เพื่อให้การทำงานสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
    R – Reporting : การรายงานการปฎิบัติงานตั้งแต่งานส่วนบุคคลไปจนถึงองค์กร เพื่อให้รู้ถึงการทำงานของฝ่ายต่างๆ และควบคุมให้ดำเนินไปตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้ และสามารถตรวจสอบตลอดจนประเมินผลได้
    B – Budgeting : การบริหารงบประมาณ ตั้งแต่การประเมินงบประมาณ การจัดทำบัญชี การตรวจสอบด้านการเงิน ไปจนถึงการนำงบประมาณมาใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด

    หลักการตัดการ14 ประการของอองรีฟาโยล์
    1. การมีเอกภาพในการบังคับบัญชา (Unity of Command)
    2. การมีเอกภาพในการสั่งการ (Unity of Direction)
    3. การแบ่งงานกันทำ (Division of Work)
    4. การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (Centralization)
    5. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility)
    6. ความเสมอภาค (Equity)
    7. สายการบังคับบัญชา (Scalar Chain)
    8. การให้ผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration)
    9. การมีระเบียบข้อบังคับ (Order)
    10. ความมีระเบียบวินัย (Discipline)
    11.ความคิดริเริ่ม (Initiative)
    12. ผลประโยชน์ของบุคคลควรจะเป็นรองจากผลประโยชน์ส่วนรวม (Sulxordination of Individual Interest to the General Personnel)
    13.ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Stability of Lenore of Personnel)
    14. ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (Esprit de Crope)
    (สุรีรัตน์ ศักดิ์ภิรมย์ 12590954)

    ตอบลบ
  18. 2. การจัดการทางการบริหาร การจัดการทางการบริหารเน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ ” ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด
    สุภัทษา สนธิช่วย 12590096

    ตอบลบ
  19. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  20. เเนวคิดการจัดการเชิงบริหาร เกิดจากความพยายามของนักคิดเเละนักวิชาการที่คิดค้นกำหนดหลักการบริหารให้ชัดเจน ผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเเนวคิดการจัดการเชิงบริหาร คือ อองรี ฟาโยล์
    หลักการของเเนวคิดการจัดการเชิงบริหาร
    1.) แบ่งงานกันทำ
    2.) อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
    3.) วินัย
    4.) เอกภาพของการบังคับบัญชา
    5.) เอกภาพของทิศทางในการทำงาน
    6.) การเน้นผลประโยชน์ร่วมกันเหนือผลประโยชน์ส่วนบุคคล
    7.) การจ่ายค่าตอบแทนให้แก่บุคคล
    8.) การรวมศูนย์อำนาจ
    9.) สายงานของอำนาจหน้าที่
    10.) การจัดระเบียบ
    11.) ความเสมอภาค
    12.) ความมีเสถียรภาพของการจ้างงาน
    13.) การริเริ่มสร้างสรรค์
    14.) ขวัญและกำลังใจของบุคลากร
    นางสาวสิริรัตน์ ศิริพรทุม 12590086

    ตอบลบ
  21. การจัดการทางการบริหาร การจัดการทางการบริหารเน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ ” ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด

    (ณัฐชัญญา ปรินจิตต์ 12590896)

    ตอบลบ
  22. แนวคิดของอองรี ฟาโยล์ วิศวกรชาวฝรั่งเศส เป็นแนวความคิดว่าด้วยหลักการจัดการในการในการบริหารงานของผู้บริหารงานทั้งภาครัฐและเอกชน หลักการจัดการมี 14 ข้อ ดังนี้
    1. การจัดแบ่งกลุ่มแรงงานตามความชำนาญ การแบ่งงานกันทำในแบบที่แต่ละคนมีเวลาที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนได้ ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    2. อำนาจหน้าที่ ให้คนบริหารงานระดับต่างๆ มีสิทธิที่จะสั่งการ และมีอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง
    3. กฎระเบียบและวินัย ทุกคนจะต้องปฏิบัติตาม ไม่หย่อนยานและไม่มีคนบิดพลิ้ว
    4. ความเป็นเอกภาพทางคำสั่ง คนทำงานแต่ละคนจะมีคนสั่งการเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ให้มีการออกคำสั่งและมีคนบริหารระดับรองลงไปนำไปบริหารจัดการอีกที่หนึ่ง
    5. ความเป็นเอกภาพในทิศทาง องค์กรต้องมีทิศทางที่ชัดเจน และมีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง มีแผนงานที่จะต้องร่วมกัน และแต่ละฝ่ายนำแผนไปปฏิบัติตามนั้น
    6. ผลประโยชน์ขององค์กรสำคัญกว่าผลประโยชน์ของแต่ละบุคคล
    7. รางวัลค่าตอบแทน กำหนดค่าตอบแทนชัดเจน และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
    8. การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การมีระบบสายบังคับบัญชา เป็นสายการบังคับบัญชาที่แต่ละฝ่ายจะรู้กันจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง คล้ายกับการสั่งการของกองทัพ
    10. การสร้างความเป็นระเบียบ
    11. ความยุติธรรมและเสมอภาค การได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
    12. ความมั่นคงในการจ้างงาน เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง มีการลาออกจากงานต่ำ จึงให้มีระบบการจ้างงานตลอดชีพ หรือจนเกษียณอายุสำหรับคนทำงานที่ดี
    13. มีความคิดริเริ่มในการดำเนินการขององค์กรต้องมีการวางแผน คิดแผนที่จะต้องริเริ่ม และทำไปให้ได้ตามแผน
    14. ความสามัคคี ส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร
    (ศุภิสรา นรินยา 12590717)

    ตอบลบ
  23. การรจัดการทางการบริหาร การจัดการทางการบริหารเน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล “ บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ ” โดยให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่างๆขององค์กรไว้ได้เสมอ
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด

    (น.ส.ศศิพิมพ์ ชัยกุลพัฒนา 1259OO76)

    ตอบลบ
  24. แนวคิดการจัดการเชิงบริหาร เกิดจากความพยายามของนักคิดและนักวิชาการที่คิดค้น(อองรี ฟาโยล์)กำหนดหลักการบริหารที่ชัดเจน คือ การริเริ่มกำหนดกิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ หน้าที่ทางการจัดการ คุณลักษณะของผู้จัดการ และหลักการจัดการ
    เพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ มีการจัดแบ่งงานตามความสามารถ หรือความเชี่ยวชาญพิเศษของแต่ละคน เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority and Responsibilities) ผู้จัดการต้องสามารถออกคำสั่งได้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทำให้คำสั่งที่ออกไปนั้นมีความถูกต้องและเกิดความรับผิดชอบควบคู่กันไป เมื่อใดที่มีการใช้อำนาจหน้าที่ เมื่อนั้นความรับผิดชอบก็จะต้องติดตามไปด้วย
    3. ระเบียบวินัย (discipline) คือ ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4. เอกภาพของสายบังคับบัญชา (unity of command) พนักงานหรือลูกจ้างทุกคนจะได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว สายบังคับบัญชาจะมีลักษณะเป็นทอดๆไป แต่ละคนจะรู้ว่าใครคือเจ้านายของตน
    5. เอกภาพในแนวทาง (unity of direction) ส่วนต่างๆขององค์กร ควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6. ประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม(Subordination of Individual to General Interests) คนที่เข้ามาทำงานในองค์การนั้นจะต้องยอมรับว่าผลประโยชน์ขององค์การสำคัญกว่าผลประโยชน์ของแต่ละบุคคล
    7. ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) องค์การต้องกำหนดค่าตอบแทนที่ชัดเจนให้เหมาะสมแก่ความสามารถและยุติธรรมกับทุกฝ่าย
    8. การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การจัดสายการบังคับบัญชา(scalar chain) ภายในองค์กรต้องระบุสายบังคับบัญชาจากผู้บริหารสูงสุด ไปจนถึงพนักงานระดับล่างสุด เพื่อให้เข้าใจแนวทางการติดต่อสื่อสาร การรายงานผล การปฏิบัติและการสั่งการภายในองค์กรที่ชัดเจน
    10. การสร้างความเป็นระเบียบ (order) การจัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ต่างๆต้องจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ รวมถึงคนด้วยต้องคัดเลือกตำแหน่งให้เหมาะสม
    11. ความเสมอภาค (equity) ในที่นี้ ผู้เป็นหัวหน้าจะต้องมีการตอบสนองต่อผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างมีเมตตา และยุติธรรม การใช้อำนาจของผู้บริหารจะเป็นไปด้วยหลักการ มิใช่จะทำอะไรได้ตามใจ
    12. ความมั่นคงในการจ้างงาน (stability of tenure )
    ต้องสร้างความรู้สึกมั่นคงให้แก่พนักงานเพื่อให้พนักงานไม่รู้สึกกลัวว่าจะถูกเลิกจ้างในเวลาใดก็ได้
    13. การคิดริเริ่ม (initiative)การส่งเสริมให้สมาชิกขององค์กรได้มีความกล้าที่จะแสดงความคิดในการทำงาน กล้าคิด กล้าทำ
    14. ความสามัคคี(esprit de corps) การส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร เพื่อความราบรื่นในการทำงาน อยู่กันอย่างครอบครัว
    (นาย​สุกั​ลย์​ จันทร์​ตรี​12590087)​

    ตอบลบ
  25. การจัดการทางการบริหาร เน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ ” ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (Division of work) การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่าและเพิ่มผลผลิต
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility) อำนาจหน้าที่ คือสิทธิในการออกคำสั่ง เพื่อให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ คือความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (Discipline) การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (Unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (Unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน และควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (Subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (Centralization) การบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (Scalar Chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (Order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ให้ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (Equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (Stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (Initiative)ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (Esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด
    (ณัฐฌา ปักกัง 12590019)

    ตอบลบ
  26. 4.เพื่อให้การบริหารจัดการภายในองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลักแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรอย่างไร จงอธิบายหลักการของแนวคิดการจัดการเชิงบริหาร
    ตอบ เพื่อให้การบริหารจัดการภายในองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลักแนวคิดของ อองรี ฟาโยล์ ที่มีการกำหนดหลักการบริหารที่ชัดเจน คือ การริเริ่มกำหนดกิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ หน้าที่ทางการจัดการ คุณลักษณะของผู้จัดการ และหลักการจัดการดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ มีการจัดแบ่งงานตามความสามารถ หรือความเชี่ยวชาญพิเศษของแต่ละคน เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority and Responsibilities) ผู้จัดการต้องสามารถออกคำสั่งได้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทำให้คำสั่งที่ออกไปนั้นมีความถูกต้องและเกิดความรับผิดชอบควบคู่กันไป เมื่อใดที่มีการใช้อำนาจหน้าที่ เมื่อนั้นความรับผิดชอบก็จะต้องติดตามไปด้วย
    3. ระเบียบวินัย (discipline) คือ ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4. เอกภาพของสายบังคับบัญชา (unity of command) พนักงานหรือลูกจ้างทุกคนจะได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว สายบังคับบัญชาจะมีลักษณะเป็นทอดๆไป แต่ละคนจะรู้ว่าใครคือเจ้านายของตน
    5. เอกภาพในแนวทาง (unity of direction) ส่วนต่างๆขององค์กร ควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6. ประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม(Subordination of Individual to General Interests) คนที่เข้ามาทำงานในองค์การนั้นจะต้องยอมรับว่าผลประโยชน์ขององค์การสำคัญกว่าผลประโยชน์ของแต่ละบุคคล
    7. ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) องค์การต้องกำหนดค่าตอบแทนที่ชัดเจนให้เหมาะสมแก่ความสามารถและยุติธรรมกับทุกฝ่าย
    8. การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การจัดสายการบังคับบัญชา(scalar chain) ภายในองค์กรต้องระบุสายบังคับบัญชาจากผู้บริหารสูงสุด ไปจนถึงพนักงานระดับล่างสุด เพื่อให้เข้าใจแนวทางการติดต่อสื่อสาร การรายงานผล การปฏิบัติและการสั่งการภายในองค์กรที่ชัดเจน
    10. การสร้างความเป็นระเบียบ (order) การจัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ต่างๆต้องจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ รวมถึงคนด้วยต้องคัดเลือกตำแหน่งให้เหมาะสม
    11. ความเสมอภาค (equity) ในที่นี้ ผู้เป็นหัวหน้าจะต้องมีการตอบสนองต่อผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างมีเมตตา และยุติธรรม การใช้อำนาจของผู้บริหารจะเป็นไปด้วยหลักการ มิใช่จะทำอะไรได้ตามใจ
    12. ความมั่นคงในการจ้างงาน (stability of tenure )ต้องสร้างความรู้สึกมั่นคงให้แก่พนักงานเพื่อให้พนักงานไม่รู้สึกกลัวว่าจะถูกเลิกจ้างในเวลาใดก็ได้
    13. การคิดริเริ่ม (initiative)การส่งเสริมให้สมาชิกขององค์กรได้มีความกล้าที่จะแสดงความคิดในการทำงาน กล้าคิด กล้าทำ
    14. ความสามัคคี(esprit de corps) การส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร เพื่อความราบรื่นในการทำงาน อยู่กันอย่างครอบครัว
    นางสาวสุดารัตน์ สุขสาม (รหัส 12590090)

    ตอบลบ
  27. เพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กร โดยมีหลักการบริหาร 14 ประการมีดังนี้
    1.การมีเอกภาพในการบังคับบัญชา (Unity of Command)
    2.การมีเอกภาพในการสั่งการ (Unity of Direction)
    3.การแบ่งงานกันทำ (Division of Work)
    4.การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (Centralization)
    5.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility)
    6.ความเสมอภาค (Equity)
    7.สายการบังคับบัญชา (Scalar Chain)
    8.การให้ผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration)
    9.การมีระเบียบข้อบังคับ (Order)
    10.ความมีระเบียบวินัย (Discipline)
    11.ความคิดริเริ่ม (Initiative)
    12.ผลประโยชน์ของบุคคลควรจะเป็นรองจากผลประโยชน์ส่วนรวม (Sulxordination of Individual Interest to the General Personnel)
    13.ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Stability of Lenore of Personnel)
    14.ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (Esprit de Crope)

    นางสาวกุลปริยา แย้มเกษร 12590005

    ตอบลบ
  28. แนวคิดของอองรี ฟาโยล วิศวกรชาวฝรั่งเศส เป็นเจ้าของแนวความคิดว่าด้วยหลักการจัดการในการในการบริหารงานของผู้บริหารงานทั้งภาครัฐและเอกชน( Private and Public) หลักการจัดการดังกล่าวมีความยืดหยุ่นได้ (Flexibly) สาระของหลักการจัดการมี 14 ข้อ ดังนี้
    1. การจัดแบ่งกลุ่มแรงงานตามความชำนาญ (Specialization of labor) การที่มีการแบ่งงานกันทำในแบบที่แต่ละคนมีเวลาที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนได้ ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    2. อำนาจหน้าที่ (Authority) การทำให้คนบริหารงานระดับต่างๆ มีสิทธิที่จะสั่งการ และมีอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง
    3. กฎระเบียบและวินัย (Discipline) การต้องมีกฎระเบียบที่คนจะต้องปฏิบัติตาม ไม่หย่อนยานและไม่มีคนบิดพลิ้ว
    4. ความเป็นเอกภาพทางคำสั่ง (Unity of command) คนทำงานแต่ละคนจะมีคนสั่งการเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ให้มีการออกคำสั่งและมีคนบริหารระดับรองลงไปนำไปบริหารจัดการอีกที่หนึ่ง (Each employee has one and only one boss.)
    5. ความเป็นเอกภาพในทิศทาง (Unity of direction) องค์กรต้องมีทิศทางที่ชัดเจน และมีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง มีแผนงานที่จะต้องร่วมกัน และแต่ละฝ่ายนำแผนไปปฏิบัติตามนั้น
    6. ผลประโยชน์ขององค์กรเหนือผลประโยชน์บุคคล (Subordination of Individual Interests) ในช่วงการทำงานนั้น งานย่อมต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งแนวคิดนี้เป็นความแตกต่างไปจากองค์กรแบบครอบครัวซึ่งมีในสมัยก่อนและแม้ในปัจจุบัน ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนงานและองค์กรแยกกันไม่ออก
    7. การมีระบบรางวัลค่าตอบแทน (Remuneration) ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับค่าตอบแทนจากบริการอย่างยุติธรรม และทางบริษัทหรือองค์กรก็ต้องปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้นั้น
    8. การบริหารงานแบบรวมศูนย์ (Centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การมีระบบสายบังคับบัญชา (Scalar Chain) หรือในภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า line of authority เป็นสายการบังคับบัญชาที่แต่ละฝ่ายจะรู้กันจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง คล้ายกับการสั่งการของกองทัพ
    10. การมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Order) ในการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ต้องมีคนจำนวนมาก และการสื่อสารต่างๆ ต้องมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดให้มีการจัดเก็บ ณ ที่ๆ คนจะใช้เป็นที่อ้างอิงได้
    11. ความยุติธรรมและเสมอภาค (Equity) การได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเหมือนๆ กัน ทั้งนี้เป็นความแตกต่างจากระบบในสมัยก่อนหน้านั้นที่มีระบบพรรคพวก และญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันและไม่เสมอภาค
    12. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Personnel Tenure) เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง มีการลาออกจากงานต่ำ จึงให้มีระบบการจ้างงานตลอดชีพ หรือจนเกษียณอายุสำหรับคนทำงานที่ดี
    13. การต้องมีความริเริ่ม (Initiative) ในการดำเนินการขององค์กรต้องมีการวางแผน คิดแผนที่จะต้องริเริ่ม และทำไปให้ได้ตามแผน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความแตกต่างจากการทำงานแบบกิจวัตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการปรับเปลี่ยนและการเติบโตขององค์กรได้
    14. การต้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกัน (Esprit de corps) ทั้งนี้เพื่อความราบรื่นในการทำงาน ความเป็นกลุ่มก้อน ความผูกพันของคนทำงาน
    ด้วยหลักการและเหตุผลของทฤษฏีองค์การของ อองรี ฟาโยล สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับองค์กรได้ทั้งองค์กรแมงมุม องค์กรปลาดาวและองค์กรแบบลูกผสม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรใดๆ หรือแบบใดก็จะต้องมีหลักการในการบริหารจัดการองค์กรที่ดีเพื่อที่การทำงานจะได้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลหลักการบริหารของฟาโยลมีทั้งหมด 14 ข้อซึ่งทุกข้อก็สามารถนำมาใช้ในองค์กรได้(น.ส.ดารารัตน์ ดาสาลี 12590030)

    ตอบลบ

  29. แนวคิดการจัดการเชิงบริหาร เกิดจากความพยายามของนักคิดและนักวิชาการที่คิดค้น(อองรี ฟาโยล์)กำหนดหลักการบริหารที่ชัดเจน คือ การริเริ่มกำหนดกิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ หน้าที่ทางการจัดการ คุณลักษณะของผู้จัดการ และหลักการจัดการ
    เพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรดังนี้
    หลักการบริหาร 14 ข้อ
    1.การมีเอกภาพในการบังคับบัญชา (Unity of Command)                      
    2. การมีเอกภาพในการสั่งการ (Unity of Direction)                                 
    3. การแบ่งงานกันทำ (Division of Work)                                                   
    4.การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (Centralization)                                            
    5. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility)   
    6. ความเสมอภาค(Equity)                                            
    7.สายการบังคับบัญชา (Scalar Chain)                                                          
    8. การให้ผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration)                                               
    9. การมีระเบียบข้อบังคับ (Order)               10. ความมีระเบียบวินัย (Discipline)
    11.ความคิดริเริ่ม (Initiative)
    12. ผลประโยชน์ของบุคคลควรจะเป็นรองจากผลประโยชน์ส่วนรวม (Sulxordination of Individual Interest to the General Personnel)
    13. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Stability of Lenore of Personnel)
    14. ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (Esprit de Crope)

    นางสาว ศิฌาวี เรือนปัญจะ (12590078)

    ตอบลบ
  30. การจัดการทางการบริหาร การจัดการทางการบริหารเน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ ” ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด
    (นางสาวภัทรานิษฐ์ กุญแจทอง 12590059)

    ตอบลบ
  31. การบริหารจัดการองค์กรเพื่อให้มีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กร โดยหลักการของแนวคิดการจัดการเชิงบริหารที่เป็นที่ยอมรับและแพร่หลายในโลกขององค์กรและธุรกิจ ก็จะเป็นแนวคิดของอองรี ฟาโยล วิศวกรชาวฝรั่งเศส เป็นเจ้าของแนวความคิดว่าด้วยหลักการจัดการในการในการบริหารงานของผู้บริหารงานทั้งภาครัฐและเอกชน( Private and Public) หลักการจัดการดังกล่าวมีความยืดหยุ่นได้ (Flexibly) สาระของหลักการจัดการมี 14 ข้อ ดังนี้
    1. การจัดแบ่งกลุ่มแรงงานตามความชำนาญ (Specialization of labor) การที่มีการแบ่งงานกันทำในแบบที่แต่ละคนมีเวลาที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนได้ ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    2. อำนาจหน้าที่ (Authority) การทำให้คนบริหารงานระดับต่างๆ มีสิทธิที่จะสั่งการ และมีอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง
    3. กฎระเบียบและวินัย (Discipline) การต้องมีกฎระเบียบที่คนจะต้องปฏิบัติตาม ไม่หย่อนยานและไม่มีคนบิดพลิ้ว
    4. ความเป็นเอกภาพทางคำสั่ง (Unity of command) คนทำงานแต่ละคนจะมีคนสั่งการเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ให้มีการออกคำสั่งและมีคนบริหารระดับรองลงไปนำไปบริหารจัดการอีกที่หนึ่ง (Each employee has one and only one boss.)
    5. ความเป็นเอกภาพในทิศทาง (Unity of direction) องค์กรต้องมีทิศทางที่ชัดเจน และมีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง มีแผนงานที่จะต้องร่วมกัน และแต่ละฝ่ายนำแผนไปปฏิบัติตามนั้น
    6. ผลประโยชน์ขององค์กรเหนือผลประโยชน์บุคคล (Subordination of Individual Interests) ในช่วงการทำงานนั้น งานย่อมต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งแนวคิดนี้เป็นความแตกต่างไปจากองค์กรแบบครอบครัวซึ่งมีในสมัยก่อนและแม้ในปัจจุบัน ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนงานและองค์กรแยกกันไม่ออก
    7. การมีระบบรางวัลค่าตอบแทน (Remuneration) ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับค่าตอบแทนจากบริการอย่างยุติธรรม และทางบริษัทหรือองค์กรก็ต้องปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้นั้น
    8. การบริหารงานแบบรวมศูนย์ (Centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การมีระบบสายบังคับบัญชา (Scalar Chain) หรือในภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า line of authority เป็นสายการบังคับบัญชาที่แต่ละฝ่ายจะรู้กันจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง คล้ายกับการสั่งการของกองทัพ
    10. การมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Order) ในการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ต้องมีคนจำนวนมาก และการสื่อสารต่างๆ ต้องมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดให้มีการจัดเก็บ ณ ที่ๆ คนจะใช้เป็นที่อ้างอิงได้
    11. ความยุติธรรมและเสมอภาค (Equity) การได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเหมือนๆ กัน ทั้งนี้เป็นความแตกต่างจากระบบในสมัยก่อนหน้านั้นที่มีระบบพรรคพวก และญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันและไม่เสมอภาค
    12. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Personnel Tenure) เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง มีการลาออกจากงานต่ำ จึงให้มีระบบการจ้างงานตลอดชีพ หรือจนเกษียณอายุสำหรับคนทำงานที่ดี
    13. การต้องมีความริเริ่ม (Initiative) ในการดำเนินการขององค์กรต้องมีการวางแผน คิดแผนที่จะต้องริเริ่ม และทำไปให้ได้ตามแผน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความแตกต่างจากการทำงานแบบกิจวัตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการปรับเปลี่ยนและการเติบโตขององค์กรได้
    14. การต้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกัน (Esprit de corps) ทั้งนี้เพื่อความราบรื่นในการทำงาน ความเป็นกลุ่มก้อน ความผูกพันของคนทำงาน
    ด้วยหลักการและเหตุผลของทฤษฏีองค์การของ อองรี ฟาโยล สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับองค์กรได้ทั้งองค์กรแมงมุม องค์กรปลาดาวและองค์กรแบบลูกผสม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรใดๆ หรือแบบใดก็จะต้องมีหลักการในการบริหารจัดการองค์กรที่ดีเพื่อที่การทำงานจะได้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

    รัญชริดา มะนุ่น 12590067

    ตอบลบ
  32. ควรนำหลักการจัดการ 14 ประการของอองรี ฟาโยล มาปฏิบัติในองค์กรเพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด
    (นางสาวณัฎฐา กลมศิลป์ 12590018)

    ตอบลบ
  33. แนวคิดการจัดการเชิงบริหาร เกิดจากความพยายามของนักคิดและนักวิชาการที่คิดค้น(อองรี ฟาโยล์)กำหนดหลักการบริหารที่ชัดเจน คือ การริเริ่มกำหนดกิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ หน้าที่ทางการจัดการ คุณลักษณะของผู้จัดการ และหลักการจัดการ
    เพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ มีการจัดแบ่งงานตามความสามารถ หรือความเชี่ยวชาญพิเศษของแต่ละคน เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority and Responsibilities) ผู้จัดการต้องสามารถออกคำสั่งได้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทำให้คำสั่งที่ออกไปนั้นมีความถูกต้องและเกิดความรับผิดชอบควบคู่กันไป เมื่อใดที่มีการใช้อำนาจหน้าที่ เมื่อนั้นความรับผิดชอบก็จะต้องติดตามไปด้วย
    3. ระเบียบวินัย (discipline) คือ ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4. เอกภาพของสายบังคับบัญชา (unity of command) พนักงานหรือลูกจ้างทุกคนจะได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว สายบังคับบัญชาจะมีลักษณะเป็นทอดๆไป แต่ละคนจะรู้ว่าใครคือเจ้านายของตน
    5. เอกภาพในแนวทาง (unity of direction) ส่วนต่างๆขององค์กร ควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6. ประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม(Subordination of Individual to General Interests) คนที่เข้ามาทำงานในองค์การนั้นจะต้องยอมรับว่าผลประโยชน์ขององค์การสำคัญกว่าผลประโยชน์ของแต่ละบุคคล
    7. ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) องค์การต้องกำหนดค่าตอบแทนที่ชัดเจนให้เหมาะสมแก่ความสามารถและยุติธรรมกับทุกฝ่าย
    8. การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การจัดสายการบังคับบัญชา(scalar chain) ภายในองค์กรต้องระบุสายบังคับบัญชาจากผู้บริหารสูงสุด ไปจนถึงพนักงานระดับล่างสุด เพื่อให้เข้าใจแนวทางการติดต่อสื่อสาร การรายงานผล การปฏิบัติและการสั่งการภายในองค์กรที่ชัดเจน
    10. การสร้างความเป็นระเบียบ (order) การจัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ต่างๆต้องจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ รวมถึงคนด้วยต้องคัดเลือกตำแหน่งให้เหมาะสม
    11. ความเสมอภาค (equity) ในที่นี้ ผู้เป็นหัวหน้าจะต้องมีการตอบสนองต่อผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างมีเมตตา และยุติธรรม การใช้อำนาจของผู้บริหารจะเป็นไปด้วยหลักการ มิใช่จะทำอะไรได้ตามใจ
    12. ความมั่นคงในการจ้างงาน (stability of tenure )
    ต้องสร้างความรู้สึกมั่นคงให้แก่พนักงานเพื่อให้พนักงานไม่รู้สึกกลัวว่าจะถูกเลิกจ้างในเวลาใดก็ได้
    13. การคิดริเริ่ม (initiative)การส่งเสริมให้สมาชิกขององค์กรได้มีความกล้าที่จะแสดงความคิดในการทำงาน กล้าคิด กล้าทำ
    14. ความสามัคคี(esprit de corps) การส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร เพื่อความราบรื่นในการทำงาน อยู่กันอย่างครอบครัว
    นาย ดนุสรณ์ เลิศเศรษฐี 12590028

    ตอบลบ
  34. การจัดการเชิงบริหารริเริ่มกำหนดกิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ หน้าที่ทางการจัดการคุณลักษณะของผู้จัดการและหลักการจัดการเพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรตามหลักการแนวคิดการจัดการเชิงบริหาร
    1.การแบ่งงานกันทำ(Division of Work)แบ่งงานกันทำตามความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะด้านเพื่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในการทำงาน
    2.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ(Authority and Responsibilities)กำหนดให้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นของคู่กัน ดังนั้นในการทำงานใดๆ หากมีการให้อำนาจหน้าที่ก็จะต้องให้ความรับผิดชอบในงานนั้นๆด้วย และหากให้ความรับผิดชอบก็จะต้องมอบอำนาจหน้าที่ให้ด้วย
    3.ระเบียบวินัย(Discipline)ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4.เอกภาพในการบังคับบัญชา(Unity of Command)การที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวเพื่อมิให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสับสน
    5.เอกภาพในแนวทาง(Unity of Direction)ส่วนต่างๆขององค์กรควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6.ประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ประโยชน์ส่วนรวม(Subordination of Individual to General Interest)บุคลากรในองค์กรต้องยึดถือผลประโยชน์โดยรวมขององค์กรสำคัญกว่าผลประโยชน์ของแต่ละบุคคล
    7.ผลประโยชน์ตอบแทน(Remuneration)การกำหนดค่าตอบแทนต้องชัดเจนและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
    8.การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง(Centralization)การกำหนดศูนย์กลางในการใช้อำนาจไว้ที่ผู้บังคับบัญชาโดยผู้บังคับบัญชาอาจกระจายอำนาจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาตามควรแก่กรณี
    9.การจัดสายการบังคับบัญชา(Scalar Chain)การบริหารงานต่างๆภายในองค์กรจะต้องระบุสายงานการบังคับบัญชาทั้งแนวดิ่งและแนวราบให้ชัดเจนโดยเฉพาะการจัดลำดับสายงานจากผู้บริหารสูงสุด ไปจนถึงพนักงานระดับล่างสุด เพื่อให้เข้าใจนางทางการติดต่อสื่อสาร การรายงานผลการปฏิบัติงานและการสั่งการภายในองค์กรที่ชัดเจน
    10.การสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย(Order)การจัดการวัสดุอุปกรณ์ต่างๆจะต้องจัดเก็บให้เป็นระบบระเบียบและจัดวางไว้ยังตำแหน่งที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ
    11.ความเสมอภาค(Equity)การสร้างความยุติธรรมในการทำงานโดยเน้นพิจารณาความดีความชอบจากผลงานที่มีความสำเร็จหรือผลงานเสมอกันจะได้รับผลตอบแทนเท่าเทียมกัน
    12.ความมั่นคงในการจ้างงาน(Stability of Tenure)การสร้างความรู้สึกมั่นคงในการจ้างงานให้แก่พนักงานไม่รู้สึกหวาดหวั่นต่อความรู้สึกที่อาจถูกเลิกจ้างในเวลาใดก็ได้
    13.ความคิดริเริ่ม(Initiative)การส่งเสริมให้สมาชิกขององค์กรได้มีความกล้าที่จะแสดงความคิดริเริ่มในการทำงาน
    14.ความสามัคคี(Esprit de Corps)การส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร (อังคณา พิทักษ์สุข 12590104)

    ตอบลบ
  35. 4. ผู้บริหารจะต้องมีคุณลักษณะพร้อมความสามารถทางร่างกาย จิตใจ ไหวพริบ การศึกษาหาความรู้ เทคนิคในการทำงาน และประสบการณ์ต่าง ๆ Fayol ให้ความเห็นว่าคุณสมบัติทางด้านเทคนิควิธีการนั้น สำคัญที่สุดในระดับคนงานธรรมดา แต่สำหรับระดับสูงขึ้นไปกว่านั้นความสามารถทางด้านบริหาร จะเพิ่มความสำคัญตามลำดับ และมีความสำคัญมากที่สุดในระดับผู้บริหารระดับสูง (Top executive) ควรจะได้มีการ อบรม (training) ความรู้ทางด้านบริหารควบคู่กันไปกับความรู้ทางด้านเทคนิคในการทำงาน หลักการจัดการ (Management principles)
    1. หลักที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority & esponsibility) เป็นสิ่งที่แยกจากกันมิได้ ผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ที่จะออกคำสั่งได้นั้น ต้องมีความรับผิดชอบต่อผลงานที่คนนำไปทำด้วย
    2. หลักของการมีผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว (Unity of command) ในการกระทำใด ๆ คนงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิดความสับสนในคำสั่งด้วยการปฏิบัติตามหลักข้อนี้ ย่อมจะช่วยให้สามารถขจัดสาเหตุแห่งการเกิดข้อขัดแย้งระหว่างแผนกงานและระหว่างบุคคลในองค์การให้หมดไป
    3. หลักของการมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน (Unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน และสอดคล้องกัน เป็นไปตามแผนงานเดียวร่วมกัน
    4. หลักของสายงาน (Scalar chain) สายงานอันนี้คือสายการบังคับบัญชาจากระดับสูงมายังระดับต่ำสุด ด้วยสายการบังคับบัญชาดังกล่าวจะอำนวยให้การบังคับบัญชาเป็นไปตามหลักของการมีผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว และช่วยให้เกิดระเบียบในการส่งทอดข่าวสารข้อมูลระหว่างกันอีกด้วย
    5. หลักของการแบ่งงานกันทำ (Division of work or specialization) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ของบุคลากรในองค์การอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตามหลักเศรษฐศาสตร์
    6. หลักเกี่ยวกับระเบียบวินัย (Discipline) โดยถือว่าระเบียบวินัยในการทำงานนั้น เกิดจากการปฏิบัติตามข้อตกลงในการทำงาน ทั้งนี้โดยมุ่งที่จะก่อให้เกิดการเคารพเชื่อฟัง และทำงานตามหน้าที่ด้วยความตั้งใจ เรื่องดังกล่าวนี้ จะทำได้ก็โดยที่ผู้บังคับบัญชาต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต และเป็นตัวอย่างที่ดี ข้อตกลงระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา จะต้องเป็นไปอย่างยุติธรรมมากที่สุด และจะต้องยึดถือเป็นหลักปฏิบัติอย่างคงเส้นคงวา
    7. หลักของการถือประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม (Subordination of individual to general interest) หลักข้อนี้ระบุว่าส่วนรวมย่อมสำคัญกว่าส่วนย่อย เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายของกลุ่ม (องค์การ) นั้น ผลประโยชน์ส่วนได้เสียของกลุ่มย่อมต้องสำคัญเหนืออื่นใดทั้งหมด
    8. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration) การให้และวิธีการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนที่ควรจะยุติธรรม และให้ความพอใจมากที่สุดทั้งแก่ฝ่ายลูกจ้างและนายจ้าง
    9. หลักของการรวมอำนาจไว้ส่วนกลาง (Centralization) หมายถึงว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    10. หลักของความมีระเบียบเรียบร้อย (Order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคนต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าคนอยู่ในที่ใดของส่วนรวม หลักนี้ก็คือหลักมูลฐานที่ใช้ในการจัดสิ่งของและตัวคนในการจัดองค์การนั่นเอง
    11. หลักของความเสมอภาค (Equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดีและการอุทิศตนเพื่องาน
    12. หลักของความมั่นคง (Stability of tenure) ทั้งผู้บริหารและคนงานต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เพื่อเรียนรู้งานจนทำงานได้ดี การที่คนเข้าออกมากย่อมเป็นสาเหตุให้ต้องสิ้นเปลือง และเป็นผลของการบริหารงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ
    13. หลักของความคิดริเริ่ม (Initiative) เนื่องจากว่าคนฉลาดย่อมต้องการที่จะได้รับความพอใจจากการที่คนได้ทำอะไรด้วยตัวเอง ดังนั้น ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง
    14. หลักของความสามัคคี (Esprit de corps) เน้นถึงความจำเป็นที่คนต้องทำงานเป็นกลุ่ม ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (teamwork) และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการติดต่อสื่อสาร (communication) เพื่อให้ได้มาซึ่งกลุ่มงานที่ดี
    (อรณิชา ศรีสมัย 12590102)

    ตอบลบ
  36. 4.การบริหารจัดการภายในองค์กรให้มีเอกภาพนั้น ผู้บริหารควรนำหลักจัดการในแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาใช้ คือ 1.การแบ่งงานกันทำ แบ่งตามความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะด้าน
    2.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
    3.ระเบียบวินัย ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน 4.เอกภาพในการบังคับบัญชา คือ การที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว 5.เอกภาพในแนวทาง คือ การบริหารส่วนต่างๆ ขององค์กร ควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6.บุคคลากรต้องยึดประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม
    7.ผลประโยชน์ตอบแทน ต้องกำหนดให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
    8.การรวมอำอาจไว้ที่ส่วนกลาง รวมไว้ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาและเป็นคนกระจายอำนาจ
    9.การจัดสายการบังคับบัญชา ตั้งแต่ระดับสูงสุดจนถึงล่างสุด เพื่อให้เข้าใจในการติดต่สื่อสารและรายงานผลการปฎิบัติงาน
    10.การสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย คือ การจัดสรรอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบรวมไปถึงการวางตำแหน่งงานให้เหมาะสมกับความสามารถของบุคคลากร
    11.ความเสมอภาค เป็นการสร้างความยุติธรรมในการทำงาน โดยเน้นพิจารณาความดีความชอบจากผลงาน 12.ความมั่นคงในการจ้างงาน เพื่อไม่ให้พนังงานรู้สึกหวาดหวั่นในการถูกเลิกจ้างงาน
    13.ความคิดริเริ่ม ส่งเสริมให้สมาชิกขององค์มีความกล้าแสดงออกในการทำงาน
    14.ความสามัคคี ส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร

    ตอบลบ
  37. 4.การบริหารจัดการภายในองค์กรให้มีเอกภาพนั้น ผู้บริหารควรนำหลักจัดการในแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาใช้ คือ
    1.การแบ่งงานกันทำ แบ่งตามความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะด้าน
    2.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
    3.ระเบียบวินัย ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน 4.เอกภาพในการบังคับบัญชา คือ การที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว 5.เอกภาพในแนวทาง คือ การบริหารส่วนต่างๆ ขององค์กร ควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6.บุคคลากรต้องยึดประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม
    7.ผลประโยชน์ตอบแทน ต้องกำหนดให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
    8.การรวมอำอาจไว้ที่ส่วนกลาง รวมไว้ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาและเป็นคนกระจายอำนาจ
    9.การจัดสายการบังคับบัญชา ตั้งแต่ระดับสูงสุดจนถึงล่างสุด เพื่อให้เข้าใจในการติดต่สื่อสารและรายงานผลการปฎิบัติงาน
    10.การสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย คือ การจัดสรรอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบรวมไปถึงการวางตำแหน่งงานให้เหมาะสมกับความสามารถของบุคคลากร
    11.ความเสมอภาค เป็นการสร้างความยุติธรรมในการทำงาน โดยเน้นพิจารณาความดีความชอบจากผลงาน 12.ความมั่นคงในการจ้างงาน เพื่อไม่ให้พนังงานรู้สึกหวาดหวั่นในการถูกเลิกจ้างงาน
    13.ความคิดริเริ่ม ส่งเสริมให้สมาชิกขององค์มีความกล้าแสดงออกในการทำงาน
    14.ความสามัคคี ส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร
    (นางสาวอรวี ศรีวิโน 12590103)

    ตอบลบ
  38. การบริหารจัดการองค์กรเพื่อให้มีเอกภาพนั้น ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรโดยใช้หลักการจัดการ 14 ประการของอองรี ฟาโยล์ดังนี้
    1. การจัดแบ่งกลุ่มแรงงานตามความชำนาญ (Specialization of labor) การที่มีการแบ่งงานกันทำในแบบที่แต่ละคนมีเวลาที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนได้ ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    2. อำนาจหน้าที่ (Authority) การทำให้คนบริหารงานระดับต่างๆ มีสิทธิที่จะสั่งการ และมีอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง
    3. กฎระเบียบและวินัย (Discipline) การต้องมีกฎระเบียบที่คนจะต้องปฏิบัติตาม ไม่หย่อนยานและไม่มีคนบิดพลิ้ว
    4. ความเป็นเอกภาพทางคำสั่ง (Unity of command) คนทำงานแต่ละคนจะมีคนสั่งการเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ให้มีการออกคำสั่งและมีคนบริหารระดับรองลงไปนำไปบริหารจัดการอีกที่หนึ่ง (Each employee has one and only one boss.)
    5. ความเป็นเอกภาพในทิศทาง (Unity of direction) องค์กรต้องมีทิศทางที่ชัดเจน และมีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง มีแผนงานที่จะต้องร่วมกัน และแต่ละฝ่ายนำแผนไปปฏิบัติตามนั้น
    6. ผลประโยชน์ขององค์กรเหนือผลประโยชน์บุคคล (Subordination of Individual Interests) ในช่วงการทำงานนั้น งานย่อมต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งแนวคิดนี้เป็นความแตกต่างไปจากองค์กรแบบครอบครัวซึ่งมีในสมัยก่อนและแม้ในปัจจุบัน ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนงานและองค์กรแยกกันไม่ออก
    7. การมีระบบรางวัลค่าตอบแทน (Remuneration) ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับค่าตอบแทนจากบริการอย่างยุติธรรม และทางบริษัทหรือองค์กรก็ต้องปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้นั้น
    8. การบริหารงานแบบรวมศูนย์ (Centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การมีระบบสายบังคับบัญชา (Scalar Chain) หรือในภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า line of authority เป็นสายการบังคับบัญชาที่แต่ละฝ่ายจะรู้กันจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง คล้ายกับการสั่งการของกองทัพ
    10. การมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Order) ในการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ต้องมีคนจำนวนมาก และการสื่อสารต่างๆ ต้องมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดให้มีการจัดเก็บ ณ ที่ๆ คนจะใช้เป็นที่อ้างอิงได้
    11. ความยุติธรรมและเสมอภาค (Equity) การได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเหมือนๆ กัน ทั้งนี้เป็นความแตกต่างจากระบบในสมัยก่อนหน้านั้นที่มีระบบพรรคพวก และญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันและไม่เสมอภาค
    12. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Personnel Tenure) เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง มีการลาออกจากงานต่ำ จึงให้มีระบบการจ้างงานตลอดชีพ หรือจนเกษียณอายุสำหรับคนทำงานที่ดี
    13. การต้องมีความริเริ่ม (Initiative) ในการดำเนินการขององค์กรต้องมีการวางแผน คิดแผนที่จะต้องริเริ่ม และทำไปให้ได้ตามแผน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความแตกต่างจากการทำงานแบบกิจวัตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการปรับเปลี่ยนและการเติบโตขององค์กรได้
    14. การต้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกัน (Esprit de corps) ทั้งนี้เพื่อความราบรื่นในการทำงาน ความเป็นกลุ่มก้อน ความผูกพันของคนทำงาน
    (วริศ เอี๊ยวัชยพร 070)

    ตอบลบ
  39. การจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ ” ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด
    (น.ส.สุชานรี เวียนมานะ 12590089)

    ตอบลบ
  40. แนวความคิดการจัดการแบบหลักการบริหาร (Administrative Management)

    แนวคิดนี้เกิดขึ้นในยุคคลาสสิกเช่นกัน แต่จะมีการจัดการที่เป็นระบบระเบียบขึ้น แนวความคิดนี้เกิดจากความเชื่อที่ว่าการบริหารแบบวิทยาศาสตร์นั้นเป็นลักษณะสากลที่มีอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว แต่นักทฤษฎีในกลุ่มการจัดการแบบการบริหารนี้จะมุ่งเน้นสนใจในการปรับปรุงการทำงานของฝ่ายบริหารหรือฝ่ายการจัดการโดยเฉพาะ ไม่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการทำงานของพนักงานระดับล่าง โดยนักทฤษฎีกลุ่มนี้จะมีสมมติฐานว่าความสำเร็จของงานนั้นขึ้นอยู่กับการทำงานของฝ่ายจัดการหรือฝ่ายบริหารเสียมากกว่า

    นักทฤษฎีและแนวความคิดที่โดดเด่น
    Lyndall Urwick & Luther Gulick : สองนักทฤษฎีที่โดดเด่นในเรื่องทฤษฎีองค์กรและกระบวนการบริหารงาน ที่ให้ความสำคัญของการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารมากกว่าการทำงานของฝ่ายพนักงานระดับล่าง และมุ่งเน้นไปยังวิธีการทำงานตลอดจนพฤติกรรมการบริหารงานของผู้บริหารระดับสูงเป็นหลัก โดยหลักการที่เป็นที่รู้จักในระดับสากลนั้นก็คือ POSDCoRB ที่ทั้งสองเป็นหนึ่งในกลุ่มนักวิชาการที่ถูกกองทัพสหรัฐเรียกมารวมตัวกันช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อประเมินข้อผิดพลาดในการบริหารจัดการกองทัพและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งสองได้นำเสนอแนวคิดดังกล่าวที่เป็นภาระหน้าที่สำคัญของนักบริหารอันประกอบไปด้วยหน้าที่ 7 ประการดังนี้
    P – Planning : การวางแผน ตลอดจนการจัดวางโครงสร้างของการทำงาน รวมไปถึงการวางแผนการล่วงหน้าเพื่อเตรียมการ ไปจนถึงการวางแผนทำงานร่วมกันของฝ่ายต่างๆ
    O – Organizing : การจัดองค์กร ตั้งแต่การกำหนดโครงสร้าง ตำแหน่ง อำนาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ ตลอดจนการกำหนดส่งงาน แบ่งงานทำอย่างเป็นระบบระเบียบ
    S – Staffing : การจัดการเกี่ยวกับบุคคลากรในองค์กร ตั้งแต่การจัดอัตรากำลัง การสรรหา การจัดตำแหน่ง การพัฒนา เป็นต้น
    D – Directing : การอำนวยการ ตั้งแต่หน้าที่ในการตัดสินใจ วินิจฉัย สั่งการ ออกคำสั่ง ไปจนถึงการมอบหมายภารกิจให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนภาวะการเป็นผู้นำ
    Co – Co-ordinating : การประสานงานตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ให้การทำงานบรรลุเป้าหมายด้วยดี รวมไปถึงการประสานงานในแต่ละส่วนให้สอดคล้องกันด้วย เพื่อให้การทำงานสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
    R – Reporting : การรายงานการปฎิบัติงานตั้งแต่งานส่วนบุคคลไปจนถึงองค์กร เพื่อให้รู้ถึงการทำงานของฝ่ายต่างๆ และควบคุมให้ดำเนินไปตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้ และสามารถตรวจสอบตลอดจนประเมินผลได้
    B – Budgeting : การบริหารงบประมาณ ตั้งแต่การประเมินงบประมาณ การจัดทำบัญชี การตรวจสอบด้านการเงิน ไปจนถึงการนำงบประมาณมาใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด
    (นางสาวณัฐพร ทองปลิว 12590024)

    ตอบลบ
  41. ผู้บริหารจะต้องมีคุณลักษณะพร้อมความสามารถทางร่างกาย จิตใจ ไหวพริบ การศึกษาหาความรู้ เทคนิคในการทำงาน และประสบการณ์ต่าง ๆ ให้ความเห็นว่าคุณสมบัติทางด้านเทคนิควิธีการนั้น สำคัญที่สุดในระดับคนงานธรรมดา แต่สำหรับระดับสูงขึ้นไปกว่านั้นความสามารถทางด้านบริหาร จะเพิ่มความสำคัญตามลำดับ และมีความสำคัญมากที่สุดในระดับผู้บริหารระดับสูง ควรจะได้มีการ อบรม ความรู้ทางด้านบริหารควบคู่กันไปกับความรู้ทางด้านเทคนิคในการทำงาน หลักการจัดการ
    1.หลักที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority & esponsibility) เป็นสิ่งที่แยกจากกันมิได้ ผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ที่จะออกคำสั่งได้นั้น ต้องมีความรับผิดชอบต่อผลงานที่คนนำไปทำด้วย
    2.หลักของการมีผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว (Unity of command) ในการกระทำใด ๆ คนงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิดความสับสนในคำสั่งด้วยการปฏิบัติตามหลักข้อนี้ ย่อมจะช่วยให้สามารถขจัดสาเหตุแห่งการเกิดข้อขัดแย้งระหว่างแผนกงานและระหว่างบุคคลในองค์การให้หมดไป
    3.หลักของการมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน (Unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน และสอดคล้องกัน เป็นไปตามแผนงานเดียวร่วมกัน
    4.หลักของสายงาน (Scalar chain) สายงานอันนี้คือสายการบังคับบัญชาจากระดับสูงมายังระดับต่ำสุด ด้วยสายการบังคับบัญชาดังกล่าวจะอำนวยให้การบังคับบัญชาเป็นไปตามหลักของการมีผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว และช่วยให้เกิดระเบียบในการส่งทอดข่าวสารข้อมูลระหว่างกันอีกด้วย
    5.หลักของการแบ่งงานกันทำ (Division of work or specialization) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ของบุคลากรในองค์การอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตามหลักเศรษฐศาสตร์
    6.หลักเกี่ยวกับระเบียบวินัย (Discipline) โดยถือว่าระเบียบวินัยในการทำงานนั้น เกิดจากการปฏิบัติตามข้อตกลงในการทำงาน ทั้งนี้โดยมุ่งที่จะก่อให้เกิดการเคารพเชื่อฟัง และทำงานตามหน้าที่ด้วยความตั้งใจ เรื่องดังกล่าวนี้ จะทำได้ก็โดยที่ผู้บังคับบัญชาต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต และเป็นตัวอย่างที่ดี ข้อตกลงระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา จะต้องเป็นไปอย่างยุติธรรมมากที่สุด และจะต้องยึดถือเป็นหลักปฏิบัติอย่างคงเส้นคงวา
    7.หลักของการถือประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม (Subordination of individual to general interest) หลักข้อนี้ระบุว่าส่วนรวมย่อมสำคัญกว่าส่วนย่อย เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายของกลุ่ม (องค์การ) นั้น ผลประโยชน์ส่วนได้เสียของกลุ่มย่อมต้องสำคัญเหนืออื่นใดทั้งหมด
    8. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration) การให้และวิธีการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนที่ควรจะยุติธรรม และให้ความพอใจมากที่สุดทั้งแก่ฝ่ายลูกจ้างและนายจ้าง
    9. หลักของการรวมอำนาจไว้ส่วนกลาง (Centralization) หมายถึงว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    10. หลักของความมีระเบียบเรียบร้อย (Order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคนต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าคนอยู่ในที่ใดของส่วนรวม หลักนี้ก็คือหลักมูลฐานที่ใช้ในการจัดสิ่งของและตัวคนในการจัดองค์การนั่นเอง
    11. หลักของความเสมอภาค (Equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดีและการอุทิศตนเพื่องาน
    12. หลักของความมั่นคง (Stability of tenure) ทั้งผู้บริหารและคนงานต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เพื่อเรียนรู้งานจนทำงานได้ดี การที่คนเข้าออกมากย่อมเป็นสาเหตุให้ต้องสิ้นเปลือง และเป็นผลของการบริหารงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ
    13.หลักของความคิดริเริ่ม (Initiative) เนื่องจากว่าคนฉลาดย่อมต้องการที่จะได้รับความพอใจจากการที่คนได้ทำอะไรด้วยตัวเอง ดังนั้น ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง
    14.หลักของความสามัคคี (Esprit de corps) เน้นถึงความจำเป็นที่คนต้องทำงานเป็นกลุ่ม ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (teamwork) และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการติดต่อสื่อสาร (communication) เพื่อให้ได้มาซึ่งกลุ่มงานที่ดี
    (นางสาวศศิประภา ผาดศรี 12590075)

    ตอบลบ
  42. การจัดการทางการบริหาร เน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (Division of work)
    คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility)
    อำนาจหน้าที่ คือสิทธิในการออกคำสั่ง เพื่อให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ คือความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (Discipline)
    คือ การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (Unity of command)
    ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (Unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน และควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (Subordination of individual interest)
    เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration)
    การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (Centralization)
    คือ การบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (Scalar Chain)
    สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (Order)
    ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ให้ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (Equity)
    ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (Stability of personnel)
    องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (Initiative)
    ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (Esprit de corps)
    ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด

    (นางสาวจุฬาลักษณ์ สกุลวงวาร 12590010)

    ตอบลบ
  43. แนวคิดการจัดการเชิงบริหาร ได้มีการริเริ่มกิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ หน้าที่ทางการจัดการ คุณลักษณะของผู้จัดการ และหลักการจัดการ
    ผู้มีบทบาทสำคัญต่อแนวคิด อองรี ฟาโยล์ : บิดาการแห่งทฤษฎีการจัดการแนวใหม่
    โดยหลักการจัดการชองอองรี ฟาโยล์ มี 14 ประการ ได้แก่
    1. การแบ่งงาน แบ่งตามความชำนาญเฉพาะด้าน
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
    3. ระเบียบวินัย ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัย
    4. เอกภาพในการบังคับบัญชา
    5. เอกภาพในแนวทาง การบริหารควรมีแนวทางการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
    6. ประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม
    7. ผลประโยชน์ตอบแทน ต้องเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
    8. การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ใช้อำนาจไว้ที่ผู้บังคับบัญชา
    9. การจัดสายการบังคับบัญชา
    10. การสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย
    11. ความเสมอภาค
    12. ความมั่นคงในการจ้างงาน เพื่อให้พนักงานไม่รู้สึกหวาดหวั่นต่อการเลิกจ้าง
    13. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
    14. ความสามัคคี
    (นางสาวกชกร เดชกำแหง 12590001)

    ตอบลบ
  44. การจัดการทางการบริหาร การจัดการทางการบริหารเน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น " บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ " ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้

    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น

    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ

    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ

    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย

    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว

    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม

    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ

    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี

    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา

    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม

    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน

    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร

    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น

    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด

    (นางบุญธิดา กะตะศิลา 12590043)

    ตอบลบ
  45. การบริหารจัดการภายในองค์กรให้มีเอกภาพนั้น ผู้บริหารควรนำหลักจัดการในแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาใช้ คือ 1.การแบ่งงานกันทำ แบ่งตามความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะด้าน
    2.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
    3.ระเบียบวินัย ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน 4.เอกภาพในการบังคับบัญชา คือ การที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว 5.เอกภาพในแนวทาง คือ การบริหารส่วนต่างๆ ขององค์กร ควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6.บุคคลากรต้องยึดประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม
    7.ผลประโยชน์ตอบแทน ต้องกำหนดให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
    8.การรวมอำอาจไว้ที่ส่วนกลาง รวมไว้ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาและเป็นคนกระจายอำนาจ
    9.การจัดสายการบังคับบัญชา ตั้งแต่ระดับสูงสุดจนถึงล่างสุด เพื่อให้เข้าใจในการติดต่สื่อสารและรายงานผลการปฎิบัติงาน
    10.การสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย คือ การจัดสรรอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบรวมไปถึงการวางตำแหน่งงานให้เหมาะสมกับความสามารถของบุคคลากร
    11.ความเสมอภาค เป็นการสร้างความยุติธรรมในการทำงาน โดยเน้นพิจารณาความดีความชอบจากผลงาน 12.ความมั่นคงในการจ้างงาน เพื่อไม่ให้พนังงานรู้สึกหวาดหวั่นในการถูกเลิกจ้างงาน
    13.ความคิดริเริ่ม ส่งเสริมให้สมาชิกขององค์มีความกล้าแสดงออกในการทำงาน
    14.ความสามัคคี ส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร
    (นายธีรภัทร์ จำปาเรือง 12590039)

    ตอบลบ
  46. ⭐️ผู้บริหารควรนำหลักการจัดการ14ประการของอองรี ฟาโยล์มาปรับประยุกต์ใช้ในองค์กรเพื่อให้การบริหารจัดการภายในองค์กรมีเอกภาพ ⭐️หลักการจัดการ14ประการ ประกอบด้วย
    1.การแบ่งงานกันทำ
    2.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
    3.ระเบียบวินัย
    4.เอกภาพในการบังคับบัญชา
    5.เอกภาพในแนวทาง
    6.ประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม
    7.ผลประโยชน์ตอบแทน
    8.การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง
    9.การจัดสายการบังคับบัญชา
    10.การสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย
    11.ความเสมอภาค
    12.ความมั่นคงในการจ้างงาน
    13.ความคิดริเริ่ม
    14.ความสามัคคี
    #นางสาววชิราพร คำกอง 12590068

    ตอบลบ
  47. การบริหารจัดการองค์กรเพื่อให้มีเอกภาพนั้น ควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรโดยใช้หลักการจัดการ 14 ประการของอองรี ฟาโยล์ดังนี้
    1. การจัดแบ่งกลุ่มแรงงานตามความชำนาญ (Specialization of labor) การที่มีการแบ่งงานกันทำในแบบที่แต่ละคนมีเวลาที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนได้ ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    2. อำนาจหน้าที่ (Authority) การทำให้คนบริหารงานระดับต่างๆ มีสิทธิที่จะสั่งการ และมีอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง
    3. กฎระเบียบและวินัย (Discipline) การต้องมีกฎระเบียบที่คนจะต้องปฏิบัติตาม ไม่หย่อนยานและไม่มีคนบิดพลิ้ว
    4. ความเป็นเอกภาพทางคำสั่ง (Unity of command) คนทำงานแต่ละคนจะมีคนสั่งการเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ให้มีการออกคำสั่งและมีคนบริหารระดับรองลงไปนำไปบริหารจัดการอีกที่หนึ่ง (Each employee has one and only one boss.)
    5. ความเป็นเอกภาพในทิศทาง (Unity of direction) องค์กรต้องมีทิศทางที่ชัดเจน และมีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง มีแผนงานที่จะต้องร่วมกัน และแต่ละฝ่ายนำแผนไปปฏิบัติตามนั้น
    6. ผลประโยชน์ขององค์กรเหนือผลประโยชน์บุคคล (Subordination of Individual Interests) ในช่วงการทำงานนั้น งานย่อมต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งแนวคิดนี้เป็นความแตกต่างไปจากองค์กรแบบครอบครัวซึ่งมีในสมัยก่อนและแม้ในปัจจุบัน ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนงานและองค์กรแยกกันไม่ออก
    7. การมีระบบรางวัลค่าตอบแทน (Remuneration) ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับค่าตอบแทนจากบริการอย่างยุติธรรม และทางบริษัทหรือองค์กรก็ต้องปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้นั้น
    8. การบริหารงานแบบรวมศูนย์ (Centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การมีระบบสายบังคับบัญชา (Scalar Chain) หรือในภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า line of authority เป็นสายการบังคับบัญชาที่แต่ละฝ่ายจะรู้กันจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง คล้ายกับการสั่งการของกองทัพ
    10. การมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Order) ในการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ต้องมีคนจำนวนมาก และการสื่อสารต่างๆ ต้องมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดให้มีการจัดเก็บ ณ ที่ๆ คนจะใช้เป็นที่อ้างอิงได้
    11. ความยุติธรรมและเสมอภาค (Equity) การได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเหมือนๆ กัน ทั้งนี้เป็นความแตกต่างจากระบบในสมัยก่อนหน้านั้นที่มีระบบพรรคพวก และญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันและไม่เสมอภาค
    12. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Personnel Tenure) เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง มีการลาออกจากงานต่ำ จึงให้มีระบบการจ้างงานตลอดชีพ หรือจนเกษียณอายุสำหรับคนทำงานที่ดี
    13. การต้องมีความริเริ่ม (Initiative) ในการดำเนินการขององค์กรต้องมีการวางแผน คิดแผนที่จะต้องริเริ่ม และทำไปให้ได้ตามแผน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความแตกต่างจากการทำงานแบบกิจวัตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการปรับเปลี่ยนและการเติบโตขององค์กรได้
    14. การต้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกัน (Esprit de corps) ทั้งนี้เพื่อความราบรื่นในการทำงาน ความเป็นกลุ่มก้อน ความผูกพันของคนทำงาน
    (นายสัจจะ ปฎิบัติดี 12590081)

    ตอบลบ
  48. การจัดการทางการบริหาร การจัดการทางการบริหารเน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น " บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ " ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้

    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น

    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ

    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ

    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย

    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว

    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม

    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ

    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี

    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา

    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม

    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน

    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร

    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น

    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด

    (นายวัชระ จริยสุขสกุล 12590071)

    ตอบลบ
  49. P – Planning : การวางแผน ตลอดจนการจัดวางโครงสร้างของการทำงาน รวมไปถึงการวางแผนการล่วงหน้าเพื่อเตรียมการ ไปจนถึงการวางแผนทำงานร่วมกันของฝ่ายต่างๆ
    O – Organizing : การจัดองค์กร ตั้งแต่การกำหนดโครงสร้าง ตำแหน่ง อำนาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ ตลอดจนการกำหนดส่งงาน แบ่งงานทำอย่างเป็นระบบระเบียบ
    S – Staffing : การจัดการเกี่ยวกับบุคคลากรในองค์กร ตั้งแต่การจัดอัตรากำลัง การสรรหา การจัดตำแหน่ง การพัฒนา เป็นต้น
    D – Directing : การอำนวยการ ตั้งแต่หน้าที่ในการตัดสินใจ วินิจฉัย สั่งการ ออกคำสั่ง ไปจนถึงการมอบหมายภารกิจให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนภาวะการเป็นผู้นำ
    Co – Co-ordinating : การประสานงานตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ให้การทำงานบรรลุเป้าหมายด้วยดี รวมไปถึงการประสานงานในแต่ละส่วนให้สอดคล้องกันด้วย เพื่อให้การทำงานสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
    R – Reporting : การรายงานการปฎิบัติงานตั้งแต่งานส่วนบุคคลไปจนถึงองค์กร เพื่อให้รู้ถึงการทำงานของฝ่ายต่างๆ และควบคุมให้ดำเนินไปตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้ และสามารถตรวจสอบตลอดจนประเมินผลได้
    B – Budgeting : การบริหารงบประมาณ ตั้งแต่การประเมินงบประมาณ การจัดทำบัญชี การตรวจสอบด้านการเงิน ไปจนถึงการนำงบประมาณมาใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด
    (มณฑล น้ำแก้ว 12590065)

    ตอบลบ
  50. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  51. แนวคิดการจัดการเชิงบริหาร ( Administrative Mangement Approach) เป็นการนำเสนอกรอบความคิดในการบริหารจัดการการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และชัดเจนตลอดจนได้ผลผลิตที่มีประสิทธิผลไปพร้อมกันด้วย ในยุคปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะองค์กรเล็กหรือองค์กรใหญ่ต่างก็ต้องการการจัดการที่ชัดเจนทั้งนั้น เพื่อให้องค์กรสามารถก้าวหน้าได้ดีที่สุด
    ผู้บริหารควรนำหลักแนวคิดทางการจัดการมาปฏิบัติในองค์กร อย่างเช่น
    -การแบ่งงานกันทำตามความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะด้านเพื่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในการทำงาน
    -การสร้างความยุติธรรมในการทำงาน
    -การสร้างความรู้สึกมั่นคงในการจ่ายงานให้แก่พนักงานเพื่อให้พนักงานไม่รู้สึกหวัดวันต่อความรู้สึกที่อาจถูกเลิกจ้างในเวลาใดก็ได้
    (นางสาวสิตานัน. หรุ่นทอง 12590082)

    ตอบลบ
  52. แนวคิดการจัดการเชิงบริหาร เกิดจากความพยายามของนักคิดและนักวิชาการที่คิดค้น(อองรี ฟาโยล์)กำหนดหลักการบริหารที่ชัดเจน คือ การริเริ่มกำหนดกิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ หน้าที่ทางการจัดการ คุณลักษณะของผู้จัดการ และหลักการจัดการ
    เพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ มีการจัดแบ่งงานตามความสามารถ หรือความเชี่ยวชาญพิเศษของแต่ละคน เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority and Responsibilities) ผู้จัดการต้องสามารถออกคำสั่งได้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทำให้คำสั่งที่ออกไปนั้นมีความถูกต้องและเกิดความรับผิดชอบควบคู่กันไป เมื่อใดที่มีการใช้อำนาจหน้าที่ เมื่อนั้นความรับผิดชอบก็จะต้องติดตามไปด้วย
    3. ระเบียบวินัย (discipline) คือ ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4. เอกภาพของสายบังคับบัญชา (unity of command) พนักงานหรือลูกจ้างทุกคนจะได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว สายบังคับบัญชาจะมีลักษณะเป็นทอดๆไป แต่ละคนจะรู้ว่าใครคือเจ้านายของตน
    5. เอกภาพในแนวทาง (unity of direction) ส่วนต่างๆขององค์กร ควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6. ประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม(Subordination of Individual to General Interests) คนที่เข้ามาทำงานในองค์การนั้นจะต้องยอมรับว่าผลประโยชน์ขององค์การสำคัญกว่าผลประโยชน์ของแต่ละบุคคล
    7. ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) องค์การต้องกำหนดค่าตอบแทนที่ชัดเจนให้เหมาะสมแก่ความสามารถและยุติธรรมกับทุกฝ่าย
    8. การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การจัดสายการบังคับบัญชา(scalar chain) ภายในองค์กรต้องระบุสายบังคับบัญชาจากผู้บริหารสูงสุด ไปจนถึงพนักงานระดับล่างสุด เพื่อให้เข้าใจแนวทางการติดต่อสื่อสาร การรายงานผล การปฏิบัติและการสั่งการภายในองค์กรที่ชัดเจน
    10. การสร้างความเป็นระเบียบ (order) การจัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ต่างๆต้องจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ รวมถึงคนด้วยต้องคัดเลือกตำแหน่งให้เหมาะสม
    11. ความเสมอภาค (equity) ในที่นี้ ผู้เป็นหัวหน้าจะต้องมีการตอบสนองต่อผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างมีเมตตา และยุติธรรม การใช้อำนาจของผู้บริหารจะเป็นไปด้วยหลักการ มิใช่จะทำอะไรได้ตามใจ
    12. ความมั่นคงในการจ้างงาน (stability of tenure )
    ต้องสร้างความรู้สึกมั่นคงให้แก่พนักงานเพื่อให้พนักงานไม่รู้สึกกลัวว่าจะถูกเลิกจ้างในเวลาใดก็ได้
    13. การคิดริเริ่ม (initiative)การส่งเสริมให้สมาชิกขององค์กรได้มีความกล้าที่จะแสดงความคิดในการทำงาน กล้าคิด กล้าทำ
    14. ความสามัคคี(esprit de corps) การส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร เพื่อความราบรื่นในการทำงาน อยู่กันอย่างครอบครัว
    (ภิตติมาตุ์ เอื้ออรุณชัย 12590062)

    ตอบลบ
  53. การที่จะบริหารจัดการองค์กรให้มีความเป็นเอกภาพได้นั้น ผู้บริหารควรมีการยึดนำหลักการแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารเขามาปรับใช้ภายในองค์กร โดยมีหลักการบริหาร 14 ข้อ ดังนี้
    1.การมีเอกภาพในการบังคับบัญชา (Unity of Command)
    2.การมีเอกภาพในการสั่งการ (Unity of Direction)
    3.การแบ่งงานกันทำ (Division of Work)
    4.การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (Centralization)
    5.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility)
    6.ความเสมอภาค (Equity)
    7.สายการบังคับบัญชา (Scalar Chain)
    8. การให้ผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration)
    9.การมีระเบียบข้อบังคับ (Order)
    10.ความมีระเบียบวินัย (Discipline)
    11.ความคิดริเริ่ม (Initiative)
    12.ผลประโยชน์ของบุคคลควรจะเป็นรองจากผลประโยชน์ส่วนรวม (Sulxordination of Individual Interest to the General Personnel)
    13.ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Stability of Lenore of Personnel)
    14.ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (Esprit de Crope)
    (ปาลิตา มนัสปัญญากุล 12590049)

    ตอบลบ
  54. การจัดการทางการบริหาร การจัดการทางการบริหารเน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ ” ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด

    ดังนั้นผู้บริหารควรนำหลักการจัดการ 14 ประการของอองรี ฟาโยล มาปฏิบัติในองค์กรเพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ

    (นางสาวสิริกร ราชมณี 12590084)

    ตอบลบ
  55. การจัดการทางการบริหาร เน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work)
    คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility)
    อำนาจหน้าที่ คือสิทธิในการออกคำสั่ง เพื่อให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ คือความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline)
    คือ การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command)
    ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน และควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest)
    เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration)
    การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization)
    คือ การบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain)
    สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order)
    ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ให้ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity)
    ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel)
    องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative)
    ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps)
    ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด

    จาก 14 หลักการจัดการที่กล่าวมา เป็นหลักการจัดการ เพื่อให้ผู้บริหารนำไปปฏิบัติ ซึ่งเป็นการทำให้องค์กรมีการบริหารจัดการที่มีเอกภาพ
    (นางสาวเอเซีย พิทยาพละ 12590112)

    ตอบลบ
  56. 1. การจัดแบ่งกลุ่มแรงงานตามความชำนาญ (Specialization of labor) การที่มีการแบ่งงานกันทำในแบบที่แต่ละคนมีเวลาที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนได้ ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    2. อำนาจหน้าที่ (Authority) การทำให้คนบริหารงานระดับต่างๆ มีสิทธิที่จะสั่งการ และมีอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง
    3. กฎระเบียบและวินัย (Discipline) การต้องมีกฎระเบียบที่คนจะต้องปฏิบัติตาม ไม่หย่อนยานและไม่มีคนบิดพลิ้ว
    4. ความเป็นเอกภาพทางคำสั่ง (Unity of command) คนทำงานแต่ละคนจะมีคนสั่งการเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ให้มีการออกคำสั่งและมีคนบริหารระดับรองลงไปนำไปบริหารจัดการอีกที่หนึ่ง (Each employee has one and only one boss.)
    5. ความเป็นเอกภาพในทิศทาง (Unity of direction) องค์กรต้องมีทิศทางที่ชัดเจน และมีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง มีแผนงานที่จะต้องร่วมกัน และแต่ละฝ่ายนำแผนไปปฏิบัติตามนั้น
    6. ผลประโยชน์ขององค์กรเหนือผลประโยชน์บุคคล (Subordination of Individual Interests) ในช่วงการทำงานนั้น งานย่อมต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งแนวคิดนี้เป็นความแตกต่างไปจากองค์กรแบบครอบครัวซึ่งมีในสมัยก่อนและแม้ในปัจจุบัน ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนงานและองค์กรแยกกันไม่ออก
    7. การมีระบบรางวัลค่าตอบแทน (Remuneration) ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับค่าตอบแทนจากบริการอย่างยุติธรรม และทางบริษัทหรือองค์กรก็ต้องปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้นั้น
    8. การบริหารงานแบบรวมศูนย์ (Centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การมีระบบสายบังคับบัญชา (Scalar Chain) หรือในภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า line of authority เป็นสายการบังคับบัญชาที่แต่ละฝ่ายจะรู้กันจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง คล้ายกับการสั่งการของกองทัพ
    10. การมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Order) ในการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ต้องมีคนจำนวนมาก และการสื่อสารต่างๆ ต้องมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดให้มีการจัดเก็บ ณ ที่ๆ คนจะใช้เป็นที่อ้างอิงได้
    11. ความยุติธรรมและเสมอภาค (Equity) การได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเหมือนๆ กัน ทั้งนี้เป็นความแตกต่างจากระบบในสมัยก่อนหน้านั้นที่มีระบบพรรคพวก และญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันและไม่เสมอภาค
    12. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Personnel Tenure) เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง มีการลาออกจากงานต่ำ จึงให้มีระบบการจ้างงานตลอดชีพ หรือจนเกษียณอายุสำหรับคนทำงานที่ดี
    13. การต้องมีความริเริ่ม (Initiative) ในการดำเนินการขององค์กรต้องมีการวางแผน คิดแผนที่จะต้องริเริ่ม และทำไปให้ได้ตามแผน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความแตกต่างจากการทำงานแบบกิจวัตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการปรับเปลี่ยนและการเติบโตขององค์กรได้
    14. การต้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกัน (Esprit de corps) ทั้งนี้เพื่อความราบรื่นในการทำงาน ความเป็นกลุ่มก้อน ความผูกพันของคนทำงาน
    (นางสาวชุติกาญจน์ ปานดารา 12590016)

    ตอบลบ

  57. การจัดการทางการบริหาร การจัดการทางการบริหารเน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ ” ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด

    ดังนั้นผู้บริหารควรนำหลักการจัดการ 14 ประการของอองรี ฟาโยล มาปฏิบัติในองค์กรเพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ
    (นางสาวพัชรา จูเอี่ยม 12590054)

    ตอบลบ
  58. การจัดการทางการบริหาร การจัดการทางการบริหารเน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ ” ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด
    (เบญญาภา กรีรถ 12590044 )

    ตอบลบ
  59. เนวคิดการจัดการเชิงบริหาร เกิดจากความพยายามของนักคิดเเละนักวิชาการที่คิดค้นกำหนดหลักการบริหารให้ชัดเจน ผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเเนวคิดการจัดการเชิงบริหาร คือ อองรี ฟาโยล์
    หลักการของเเนวคิดการจัดการเชิงบริหาร
    1.) แบ่งงานกันทำ
    2.) อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
    3.) วินัย
    4.) เอกภาพของการบังคับบัญชา
    5.) เอกภาพของทิศทางในการทำงาน
    6.) การเน้นผลประโยชน์ร่วมกันเหนือผลประโยชน์ส่วนบุคคล
    7.) การจ่ายค่าตอบแทนให้แก่บุคคล
    8.) การรวมศูนย์อำนาจ
    9.) สายงานของอำนาจหน้าที่
    10.) การจัดระเบียบ
    11.) ความเสมอภาค
    12.) ความมีเสถียรภาพของการจ้างงาน
    13.) การริเริ่มสร้างสรรค์
    14.) ขวัญและกำลังใจของบุคลากร
    (นายธนสิทธิ์ อาจอ่อนศรี 12590036)

    ตอบลบ
  60. การจัดการทางการบริหาร การจัดการทางการบริหารเน้นการจัดการทั่วทั้งองค์การ ผู้บุกเบิกสำคัญของทฤษฎีการจัดการทางการบริหารคือ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ ” ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ และหลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด
    (นายอัษฎาวุธ เขตเจริญ 12590106)

    ตอบลบ
  61. เพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาประยุกต์ใช้กับองค์กรได้ทั้งองค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรใดๆ หรือแบบใดก็จะต้องมีหลักการในการบริหารจัดการองค์กรที่ดีเพื่อที่การทำงานจะได้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยหลักการบริหารของ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ ” มีทั้งหมด 14 ข้อซึ่งทุกข้อก็สามารถนำมาใช้ในองค์กรได้
    1. การจัดแบ่งกลุ่มแรงงานตามความชำนาญ (Specialization of labor) การที่มีการแบ่งงานกันทำในแบบที่แต่ละคนมีเวลาที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนได้ ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    2. อำนาจหน้าที่ (Authority) การทำให้คนบริหารงานระดับต่างๆ มีสิทธิที่จะสั่งการ และมีอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง
    3. กฎระเบียบและวินัย (Discipline) การต้องมีกฎระเบียบที่คนจะต้องปฏิบัติตาม ไม่หย่อนยานและไม่มีคนบิดพลิ้ว
    4. ความเป็นเอกภาพทางคำสั่ง (Unity of command) คนทำงานแต่ละคนจะมีคนสั่งการเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ให้มีการออกคำสั่งและมีคนบริหารระดับรองลงไปนำไปบริหารจัดการอีกที่หนึ่ง (Each employee has one and only one boss.)
    5. ความเป็นเอกภาพในทิศทาง (Unity of direction) องค์กรต้องมีทิศทางที่ชัดเจน และมีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง มีแผนงานที่จะต้องร่วมกัน และแต่ละฝ่ายนำแผนไปปฏิบัติตามนั้น
    6. ผลประโยชน์ขององค์กรเหนือผลประโยชน์บุคคล (Subordination of Individual Interests) ในช่วงการทำงานนั้น งานย่อมต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งแนวคิดนี้เป็นความแตกต่างไปจากองค์กรแบบครอบครัวซึ่งมีในสมัยก่อนและแม้ในปัจจุบัน ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนงานและองค์กรแยกกันไม่ออก
    7. การมีระบบรางวัลค่าตอบแทน (Remuneration) ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับค่าตอบแทนจากบริการอย่างยุติธรรม และทางบริษัทหรือองค์กรก็ต้องปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้นั้น
    8. การบริหารงานแบบรวมศูนย์ (Centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การมีระบบสายบังคับบัญชา (Scalar Chain) หรือในภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า line of authority เป็นสายการบังคับบัญชาที่แต่ละฝ่ายจะรู้กันจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง คล้ายกับการสั่งการของกองทัพ
    10. การมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Order) ในการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ต้องมีคนจำนวนมาก และการสื่อสารต่างๆ ต้องมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดให้มีการจัดเก็บ ณ ที่ๆ คนจะใช้เป็นที่อ้างอิงได้
    11. ความยุติธรรมและเสมอภาค (Equity) การได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเหมือนๆ กัน ทั้งนี้เป็นความแตกต่างจากระบบในสมัยก่อนหน้านั้นที่มีระบบพรรคพวก และญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันและไม่เสมอภาค
    12. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Personnel Tenure) เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง มีการลาออกจากงานต่ำ จึงให้มีระบบการจ้างงานตลอดชีพ หรือจนเกษียณอายุสำหรับคนทำงานที่ดี
    13. การต้องมีความริเริ่ม (Initiative) ในการดำเนินการขององค์กรต้องมีการวางแผน คิดแผนที่จะต้องริเริ่ม และทำไปให้ได้ตามแผน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความแตกต่างจากการทำงานแบบกิจวัตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการปรับเปลี่ยนและการเติบโตขององค์กรได้
    14. การต้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกัน (Esprit de corps) ทั้งนี้เพื่อความราบรื่นในการทำงาน ความเป็นกลุ่มก้อน ความผูกพันของคนทำงาน
    (วิลาสินี เกตุแก้ว12590073)

    ตอบลบ
  62. 4.เพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรอย่างไร จงอธิบายหลักการของแนวคิดการจัดการเชิงบริหาร ?

    : แนวคิดการจัดการเชิงบริหาร เกิดจากความพยายามของนักคิดและนักวิชาการที่คิดค้น(อองรี ฟาโยล์) กำหนดหลักการบริหารที่ชัดเจน คือ การริเริ่มกำหนดกิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ หน้าที่ทางการจัดการ คุณลักษณะของผู้จัดการ และหลักการจัดการ
    เพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ มีการจัดแบ่งงานตามความสามารถ หรือความเชี่ยวชาญพิเศษของแต่ละคน เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority and Responsibilities) ผู้จัดการต้องสามารถออกคำสั่งได้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทำให้คำสั่งที่ออกไปนั้นมีความถูกต้องและเกิดความรับผิดชอบควบคู่กันไป เมื่อใดที่มีการใช้อำนาจหน้าที่ เมื่อนั้นความรับผิดชอบก็จะต้องติดตามไปด้วย
    3. ระเบียบวินัย (discipline) คือ ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4. เอกภาพของสายบังคับบัญชา (unity of command) พนักงานหรือลูกจ้างทุกคนจะได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว สายบังคับบัญชาจะมีลักษณะเป็นทอดๆไป แต่ละคนจะรู้ว่าใครคือเจ้านายของตน
    5. เอกภาพในแนวทาง (unity of direction) ส่วนต่างๆขององค์กร ควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6. ประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม(Subordination of Individual to General Interests) คนที่เข้ามาทำงานในองค์การนั้นจะต้องยอมรับว่าผลประโยชน์ขององค์การสำคัญกว่าผลประโยชน์ของแต่ละบุคคล
    7. ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) องค์การต้องกำหนดค่าตอบแทนที่ชัดเจนให้เหมาะสมแก่ความสามารถและยุติธรรมกับทุกฝ่าย
    8. การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การจัดสายการบังคับบัญชา(scalar chain) ภายในองค์กรต้องระบุสายบังคับบัญชาจากผู้บริหารสูงสุด ไปจนถึงพนักงานระดับล่างสุด เพื่อให้เข้าใจแนวทางการติดต่อสื่อสาร การรายงานผล การปฏิบัติและการสั่งการภายในองค์กรที่ชัดเจน
    10. การสร้างความเป็นระเบียบ (order) การจัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ต่างๆต้องจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ รวมถึงคนด้วยต้องคัดเลือกตำแหน่งให้เหมาะสม
    11. ความเสมอภาค (equity) ในที่นี้ ผู้เป็นหัวหน้าจะต้องมีการตอบสนองต่อผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างมีเมตตา และยุติธรรม การใช้อำนาจของผู้บริหารจะเป็นไปด้วยหลักการ มิใช่จะทำอะไรได้ตามใจ
    12. ความมั่นคงในการจ้างงาน (stability of tenure )
    ต้องสร้างความรู้สึกมั่นคงให้แก่พนักงานเพื่อให้พนักงานไม่รู้สึกกลัวว่าจะถูกเลิกจ้างในเวลาใดก็ได้
    13. การคิดริเริ่ม (initiative)การส่งเสริมให้สมาชิกขององค์กรได้มีความกล้าที่จะแสดงความคิดในการทำงาน กล้าคิด กล้าทำ
    14. ความสามัคคี(esprit de corps) การส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร สมาชิกมีความร่วมมือกันไปสู่จุดมุ่งหมายขององค์กร

    (ศศิมา ปานชงค์ 12590077)

    ตอบลบ
  63. การที่จะบริหารจัดการองค์กรให้มีความเป็นเอกภาพได้นั้น ผู้บริหารควรมีการยึดนำหลักการแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารเขามาปรับใช้ภายในองค์กร โดยมีหลักการบริหาร 14 ข้อ ดังนี้
    1.การมีเอกภาพในการบังคับบัญชา (Unity of Command)
    2.การมีเอกภาพในการสั่งการ (Unity of Direction)
    3.การแบ่งงานกันทำ (Division of Work)
    4.การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (Centralization)
    5.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility)
    6.ความเสมอภาค (Equity)
    7.สายการบังคับบัญชา (Scalar Chain)
    8. การให้ผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration)
    9.การมีระเบียบข้อบังคับ (Order)
    10.ความมีระเบียบวินัย (Discipline)
    11.ความคิดริเริ่ม (Initiative)
    12.ผลประโยชน์ของบุคคลควรจะเป็นรองจากผลประโยชน์ส่วนรวม (Sulxordination of Individual Interest to the General Personnel)
    13.ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Stability of Lenore of Personnel)
    14.ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (Esprit de Crope)
    นายธรรศธรรม จำปาทอง 12590790

    ตอบลบ
  64. หลักการบริหาร 14 ข้อ
    1. การมีเอกภาพในการบังคับบัญชา (Unity of Command)                      
    2. การมีเอกภาพในการสั่งการ (Unity of Direction)                                 
    3. การแบ่งงานกันทำ (Division of Work)                                                   
    4. การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (Centralization)                                             
    5. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility)   
    6. ความเสมอภาค (Equity)                                                      
    7. สายการบังคับบัญชา (Scalar Chain)                                                          
    8. การให้ผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration)                                              
    9.การมีระเบียบข้อบังคับ (Order)                                                           
    10.ความมีระเบียบวินัย (Discipline)
    11.ความคิดริเริ่ม (Initiative)
    12. ผลประโยชน์ของบุคคลควรจะเป็นรองจากผลประโยชน์ส่วนรวม (Sulxordination of Individual Interest to the General Personnel)
    13. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Stability of Lenore of Personnel)
    14.ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (Esprit de Crope)

                   เฮนรี่ ฟาโยล (Henri Fayol) ได้สรุปเป็นทฤษฎีว่า หากวันหนึ่งคุณต้องอยู่ในสภาวะที่ต้องใช้คนจำนวนมากๆ ในการทำงานแล้วละก็หัวใจของการบริหารจัดการเพื่อให้งานสำเร็จ
    (นางสาวชนาวาส บัววงค์ 12590013)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แก้ใหม่ *
      หลักการบริหาร 14 ข้อ ดังนี้
      1.การมีเอกภาพในการบังคับบัญชา (Unity of Command)
      2.การมีเอกภาพในการสั่งการ (Unity of Direction)
      3.การแบ่งงานกันทำ (Division of Work)
      4.การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (Centralization)
      5.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility)
      6.ความเสมอภาค (Equity)
      7.สายการบังคับบัญชา (Scalar Chain)
      8. การให้ผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration)
      9.การมีระเบียบข้อบังคับ (Order)
      10.ความมีระเบียบวินัย (Discipline)
      11.ความคิดริเริ่ม (Initiative)
      12.ผลประโยชน์ของบุคคลควรจะเป็นรองจากผลประโยชน์ส่วนรวม (Sulxordination of Individual Interest to the General Personnel)
      13.ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Stability of Lenore of Personnel)
      14.ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (Esprit de Crope)
      เฮนรี่ ฟาโยล (Henri Fayol) ได้สรุปเป็นทฤษฎีว่า หากวันหนึ่งคุณต้องอยู่ในสภาวะที่ต้องใช้คนจำนวนมากๆ ในการทำงานแล้วละก็หัวใจของการบริหารจัดการเพื่อให้งานสำเร็จ
      (นางสาวชนาวาส บัววงค์ 12590013 )

      ลบ
  65. หลักแนวคิดทางการบริหาที่ผู้บริหารควรนำมาใช้ ให้การบริหารจัดการภายในองค์กรให้มีเอกภาพนั้น คือ
    1.การแบ่งงานกันทำ แบ่งตามความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะด้าน
    2.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
    3.ระเบียบวินัย ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4.เอกภาพในการบังคับบัญชา คือ การที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว
    5.เอกภาพในแนวทาง คือ การบริหารส่วนต่างๆ ขององค์กร ควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6.บุคคลากรต้องยึดประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม
    7.ผลประโยชน์ตอบแทน ต้องกำหนดให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
    8.การรวมอำอาจไว้ที่ส่วนกลาง รวมไว้ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาและเป็นคนกระจายอำนาจ
    9.การจัดสายการบังคับบัญชา ตั้งแต่ระดับสูงสุดจนถึงล่างสุด เพื่อให้เข้าใจในการติดต่สื่อสารและรายงานผลการปฎิบัติงาน
    10.การสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย คือ การจัดสรรอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบรวมไปถึงการวางตำแหน่งงานให้เหมาะสมกับความสามารถของบุคคลากร
    11.ความเสมอภาค เป็นการสร้างความยุติธรรมในการทำงาน โดยเน้นพิจารณาความดีความชอบจากผลงาน 12.ความมั่นคงในการจ้างงาน เพื่อไม่ให้พนังงานรู้สึกหวาดหวั่นในการถูกเลิกจ้างงาน
    13.ความคิดริเริ่ม ส่งเสริมให้สมาชิกขององค์มีความกล้าแสดงออกในการทำงาน
    14.ความสามัคคี ส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร
    นางสาวหมายขวัญ นวลอุไร 12590099

    ตอบลบ
  66. แนวคิดการจัดการเชิงบริหาร เกิดจากความพยายามของนักคิดและนักวิชาการที่คิดค้น(อองรี ฟาโยล์)กำหนดหลักการบริหารที่ชัดเจน คือ การริเริ่มกำหนดกิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ หน้าที่ทางการจัดการ คุณลักษณะของผู้จัดการ และหลักการจัดการ
    เพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ มีการจัดแบ่งงานตามความสามารถ หรือความเชี่ยวชาญพิเศษของแต่ละคน เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority and Responsibilities) ผู้จัดการต้องสามารถออกคำสั่งได้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทำให้คำสั่งที่ออกไปนั้นมีความถูกต้องและเกิดความรับผิดชอบควบคู่กันไป เมื่อใดที่มีการใช้อำนาจหน้าที่ เมื่อนั้นความรับผิดชอบก็จะต้องติดตามไปด้วย
    3. ระเบียบวินัย (discipline) คือ ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4. เอกภาพของสายบังคับบัญชา (unity of command) พนักงานหรือลูกจ้างทุกคนจะได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว สายบังคับบัญชาจะมีลักษณะเป็นทอดๆไป แต่ละคนจะรู้ว่าใครคือเจ้านายของตน
    5. เอกภาพในแนวทาง (unity of direction) ส่วนต่างๆขององค์กร ควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6. ประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ส่วนรวม(Subordination of Individual to General Interests) คนที่เข้ามาทำงานในองค์การนั้นจะต้องยอมรับว่าผลประโยชน์ขององค์การสำคัญกว่าผลประโยชน์ของแต่ละบุคคล
    7. ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) องค์การต้องกำหนดค่าตอบแทนที่ชัดเจนให้เหมาะสมแก่ความสามารถและยุติธรรมกับทุกฝ่าย
    8. การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง (centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การจัดสายการบังคับบัญชา(scalar chain) ภายในองค์กรต้องระบุสายบังคับบัญชาจากผู้บริหารสูงสุด ไปจนถึงพนักงานระดับล่างสุด เพื่อให้เข้าใจแนวทางการติดต่อสื่อสาร การรายงานผล การปฏิบัติและการสั่งการภายในองค์กรที่ชัดเจน
    10. การสร้างความเป็นระเบียบ (order) การจัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ต่างๆต้องจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ รวมถึงคนด้วยต้องคัดเลือกตำแหน่งให้เหมาะสม
    11. ความเสมอภาค (equity) ในที่นี้ ผู้เป็นหัวหน้าจะต้องมีการตอบสนองต่อผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างมีเมตตา และยุติธรรม การใช้อำนาจของผู้บริหารจะเป็นไปด้วยหลักการ มิใช่จะทำอะไรได้ตามใจ
    12. ความมั่นคงในการจ้างงาน (stability of tenure )
    ต้องสร้างความรู้สึกมั่นคงให้แก่พนักงานเพื่อให้พนักงานไม่รู้สึกกลัวว่าจะถูกเลิกจ้างในเวลาใดก็ได้
    13. การคิดริเริ่ม (initiative)การส่งเสริมให้สมาชิกขององค์กรได้มีความกล้าที่จะแสดงความคิดในการทำงาน กล้าคิด กล้าทำ
    14. ความสามัคคี(esprit de corps) การส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร เพื่อความราบรื่นในการทำงาน อยู่กันอย่างครอบครัว(ชัชญาณ์ณัฐ ภูวิศภัทรนนท์ 12590110)

    ตอบลบ
  67. แนวคิด ทฤษฎีกับการจัดคนให้เกิดงาน Work Force Management บทคัดย่อ ในโลกปัจจุบันนี้การจัดการธุรกิจ มีหลายๆภาคส่วนองค์กรให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรรัฐ องค์กรเอกชนหรือแม้กระทั่งองค์กรรัฐวิสาหกิจ และในแต่ละองค์กรก็ให้สารัตถะในการจัดการที่แตกต่างกันออกไป บางองค์กรมุ่งเน้นการจัดการที่ผลผลิตอย่างสุดโต้ง บางองค์กรมุ่งเน้นการบริหารทรัพยากรบุคคลให้เป็นเลิศ หรือ บางองค์กรมุ่งเน้นรายได้เป็นหลักชัย แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกองค์กรต้องการจะเป็นเหมือนกันคือ การมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งทางธุรกิจ นั่นคือหัวใจหลักที่องค์กรต้องพิชิตให้ได้ อีกนัยหนึ่งองค์กรเปรียบเสมือนบอลลูนลูกใหญ่ที่มีสะสารภายในเป็นเสมือนระบบที่สนับสนุนให้บอลลูนสามารถลอยอยู่ได้หรือตกลงมาสู่พื้นดิน และสิ่งที่จะทำให้ระบบเป็นระบบได้นั่นก็คือ การจัดการระบบองค์กร จะกล่าวถึง ผู้ที่เป็นตำนานด้านการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) คนแรกคือ เฟรเดอริค วินสโลว์ เทย์เลอร์ ที่มีแนวคิดแบบคลาสลิคที่ให้ความสำคัญต่อปริมาณมากกว่าคุณภาพการผลิต ร่วมด้วยอองรี ฟาโยล์ ผู้ที่ให้นิยามเรื่องการจัดการกับพื้นฐาน 14 ข้อ

    แบ่งงานกันทำ
    อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
    วินัย
    เอกภาพของการบังคับบัญชา
    เอกภาพของทิศทางในการทำงาน
    การเน้นผลประโยชน์ร่วมกันเหนือผลประโยชน์ส่วนบุคคล
    การจ่ายค่าตอบแทนให้แก่บุคคล
    การรวมศูนย์อำนาจ
    สายงานของอำนาจหน้าที่
    การจัดระเบียบ
    ความเสมอภาค
    ความมีเสถียรภาพของการจ้างงาน
    การริเริ่มสร้างสรรค์
    ขวัญและกำลังใจของบุคลากร
    (พัชมน มนต์วิมลพร 12590053)

    ตอบลบ
  68. อองรี ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ หลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด
    นางสาวภัทราพร ผังรักษ์ 12590061

    ตอบลบ
  69. อองรี ฟาโยล ได้ให้หลักการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้จัดการ หลักการของการจัดองค์การ ไว้ดังนี้
    1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด
    นางสาว ดวงหทัย โฉมมา 12590029

    ตอบลบ
  70. การบริหารจัดการองค์กรเพื่อให้มีเอกภาพนั้น ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรโดยใช้หลักการจัดการ 14 ประการของอองรี ฟาโยล์ดังนี้

    1.การจัดแบ่งกลุ่มแรงงานตามความชำนาญ (Specialization of labor) การที่มีการแบ่งงานกันทำในแบบที่แต่ละคนมีเวลาที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนได้ ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

    2.อำนาจหน้าที่ (Authority) การทำให้คนบริหารงานระดับต่างๆ มีสิทธิที่จะสั่งการ และมีอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง

    3.กฎระเบียบและวินัย (Discipline) การต้องมีกฎระเบียบที่คนจะต้องปฏิบัติตาม ไม่หย่อนยานและไม่มีคนบิดพลิ้ว

    4.ความเป็นเอกภาพทางคำสั่ง (Unity of command) คนทำงานแต่ละคนจะมีคนสั่งการเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ให้มีการออกคำสั่งและมีคนบริหารระดับรองลงไปนำไปบริหารจัดการอีกที่หนึ่ง (Each employee has one and only one boss.)

    5.ความเป็นเอกภาพในทิศทาง (Unity of direction) องค์กรต้องมีทิศทางที่ชัดเจน และมีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง มีแผนงานที่จะต้องร่วมกัน และแต่ละฝ่ายนำแผนไปปฏิบัติตามนั้น

    6.ผลประโยชน์ขององค์กรเหนือผลประโยชน์บุคคล (Subordination of Individual Interests) ในช่วงการทำงานนั้น งานย่อมต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งแนวคิดนี้เป็นความแตกต่างไปจากองค์กรแบบครอบครัวซึ่งมีในสมัยก่อนและแม้ในปัจจุบัน ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนงานและองค์กรแยกกันไม่ออก

    7.การมีระบบรางวัลค่าตอบแทน (Remuneration) ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับค่าตอบแทนจากบริการอย่างยุติธรรม และทางบริษัทหรือองค์กรก็ต้องปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้นั้น

    8.การบริหารงานแบบรวมศูนย์ (Centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ

    9.การมีระบบสายบังคับบัญชา (Scalar Chain) หรือในภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า line of authority เป็นสายการบังคับบัญชาที่แต่ละฝ่ายจะรู้กันจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง คล้ายกับการสั่งการของกองทัพ

    10.การมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Order) ในการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ต้องมีคนจำนวนมาก และการสื่อสารต่างๆ ต้องมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดให้มีการจัดเก็บ ณ ที่ ๆ คนจะใช้เป็นที่อ้างอิงได้

    11.ความยุติธรรมและเสมอภาค (Equity) การได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเหมือนๆ กัน ทั้งนี้เป็นความแตกต่างจากระบบในสมัยก่อนหน้านั้นที่มีระบบพรรคพวก และญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันและไม่เสมอภาค

    12.ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Personnel Tenure) เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง มีการลาออกจากงานต่ำ จึงให้มีระบบการจ้างงานตลอดชีพ หรือจนเกษียณอายุสำหรับคนทำงานที่ดี

    13.การต้องมีความริเริ่ม (Initiative) ในการดำเนินการขององค์กรต้องมีการวางแผน คิดแผนที่จะต้องริเริ่ม และทำไปให้ได้ตามแผน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความแตกต่างจากการทำงานแบบกิจวัตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการปรับเปลี่ยนและการเติบโตขององค์กรได้

    14.การต้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกัน (Esprit de corps) ทั้งนี้เพื่อความราบรื่นในการทำงาน ความเป็นกลุ่มก้อน ความผูกพันของคนทำงาน
    (นายชินวัตร พิพัฒน์พงศานนท์ 12590015)

    ตอบลบ

  71. เพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาประยุกต์ใช้กับองค์กรได้ทั้งองค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรใดๆ หรือแบบใดก็จะต้องมีหลักการในการบริหารจัดการองค์กรที่ดีเพื่อที่การทำงานจะได้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยหลักการบริหารของ อองรี ฟาโยล ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ บิดาแห่งทฤษฎีองค์การ ” มีทั้งหมด 14 ข้อซึ่งทุกข้อก็สามารถนำมาใช้ในองค์กรได้
    1. การจัดแบ่งกลุ่มแรงงานตามความชำนาญ (Specialization of labor) การที่มีการแบ่งงานกันทำในแบบที่แต่ละคนมีเวลาที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนได้ ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    2. อำนาจหน้าที่ (Authority) การทำให้คนบริหารงานระดับต่างๆ มีสิทธิที่จะสั่งการ และมีอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง
    3. กฎระเบียบและวินัย (Discipline) การต้องมีกฎระเบียบที่คนจะต้องปฏิบัติตาม ไม่หย่อนยานและไม่มีคนบิดพลิ้ว
    4. ความเป็นเอกภาพทางคำสั่ง (Unity of command) คนทำงานแต่ละคนจะมีคนสั่งการเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ให้มีการออกคำสั่งและมีคนบริหารระดับรองลงไปนำไปบริหารจัดการอีกที่หนึ่ง (Each employee has one and only one boss.)
    5. ความเป็นเอกภาพในทิศทาง (Unity of direction) องค์กรต้องมีทิศทางที่ชัดเจน และมีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง มีแผนงานที่จะต้องร่วมกัน และแต่ละฝ่ายนำแผนไปปฏิบัติตามนั้น
    6. ผลประโยชน์ขององค์กรเหนือผลประโยชน์บุคคล (Subordination of Individual Interests) ในช่วงการทำงานนั้น งานย่อมต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งแนวคิดนี้เป็นความแตกต่างไปจากองค์กรแบบครอบครัวซึ่งมีในสมัยก่อนและแม้ในปัจจุบัน ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนงานและองค์กรแยกกันไม่ออก
    7. การมีระบบรางวัลค่าตอบแทน (Remuneration) ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับค่าตอบแทนจากบริการอย่างยุติธรรม และทางบริษัทหรือองค์กรก็ต้องปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้นั้น
    8. การบริหารงานแบบรวมศูนย์ (Centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การมีระบบสายบังคับบัญชา (Scalar Chain) หรือในภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า line of authority เป็นสายการบังคับบัญชาที่แต่ละฝ่ายจะรู้กันจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง คล้ายกับการสั่งการของกองทัพ
    10. การมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Order) ในการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ต้องมีคนจำนวนมาก และการสื่อสารต่างๆ ต้องมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดให้มีการจัดเก็บ ณ ที่ๆ คนจะใช้เป็นที่อ้างอิงได้
    11. ความยุติธรรมและเสมอภาค (Equity) การได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเหมือนๆ กัน ทั้งนี้เป็นความแตกต่างจากระบบในสมัยก่อนหน้านั้นที่มีระบบพรรคพวก และญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันและไม่เสมอภาค
    12. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Personnel Tenure) เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง มีการลาออกจากงานต่ำ จึงให้มีระบบการจ้างงานตลอดชีพ หรือจนเกษียณอายุสำหรับคนทำงานที่ดี
    13. การต้องมีความริเริ่ม (Initiative) ในการดำเนินการขององค์กรต้องมีการวางแผน คิดแผนที่จะต้องริเริ่ม และทำไปให้ได้ตามแผน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความแตกต่างจากการทำงานแบบกิจวัตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการปรับเปลี่ยนและการเติบโตขององค์กรได้
    14. การต้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกัน (Esprit de corps) ทั้งนี้เพื่อความราบรื่นในการทำงาน ความเป็นกลุ่มก้อน ความผูกพันของคนทำงาน
    (น.ส.ณัฐรี เต่าแก้ว 12590026)

    ตอบลบ
  72. 1. การแบ่งงานกันทำ (division of work) คือ การแบ่งแยกงานกันทำตามความถนัด ความมุ่งหมายของการแบ่งงานกันทำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของงานโดยลดการสูญเปล่า เพิ่มผลผลิต และทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้น
    2. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority & responsibility) อำนาจหน้าที่ คือ สิทธิในการออกคำสั่ง และอำนาจในการทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง ส่วนความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
    3. วินัย (discipline) หมายถึง การเคารพในกฎระเบียบที่ควบคุมองค์การ ข้อตกลงระกว่างองค์การกับผู้ทำงานต้องมีความชัดเจน และสภาวะของวินัยในกลุ่มใดในองค์การขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาวะผู้นำ
    4. เอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) ผู้ทำงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถ้ายึดหลักการข้อนี้จะเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และวินัย
    5. เอกภาพของทิศทาง (unity of direction) กิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน ควรจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการคนเดียว
    6. ความสนใจส่วนตัวเป็นรอง (subordination of individual interest) เพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายขององค์การ ความสนใจของแต่ละคนและกลุ่มคนภายในองค์การควรมาทีหลังความสนใจขององค์การโดยรวม
    7. หลักของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration) การให้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินหรือค่าชดใช้ต่างๆ ควรยุติธรรมและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ทำงาน และฝ่ายองค์การ
    8. การรวมอำนาจ (centralization) หมายถึง ว่าในการบริหารจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลาง เพื่อให้ควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ และการกระจายอำนาจจะมากน้อยเพียงใดก็ย่อมแล้วแต่กรณี
    9. สายบังคับบัญชา (scalar chain) สายการบังคับบัญชา คือสายของหัวหน้า นับตั้งแต่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดจนถึงตำแหน่งล่างสุด สายการบังคับบัญชาจะต้องชัดเจนและถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดเวลา
    10. ระเบียบ (order) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าสิ่งของหรือคน ต่างต้องมีระเบียบและรู้ว่าตนอยู่ในที่ใด อยู่ถูกกาลเทศะหรืออยู่ถูกที่ในเวลาที่เหมาะสม
    11. ความยุติธรรม (equity) ผู้บริหารต้องยึดถือความเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลักปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความจงรักภักดี และการอุทิศตนเพื่องาน
    12. ความมั่นคงของบุคลากร (stability of personnel) องค์การที่ประสบความสำเร็จต้องมีกองปฏิบัติงานที่มั่นคง การปฏิบัติของฝ่ายการจัดการควรส่งเสริมปณิธานการทำงานระยะยาวให้กับองค์กร
    13. การริเริ่ม (initiative) ผู้บังคับบัญชาควรจะเปิดโอกาสให้ผู้น้อยได้ใช้ความริเริ่มของตนบ้าง ส่งเสริมให้ผู้ทำงานพัฒนาและดำเนินแผนการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
    14. ความสามัคคี (esprit de corps) ผู้จัดการควรส่งเสริมและรักษาทีมงาน น้ำใจหมู่พวก และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ทำงานทั้งหมด

    ผู้บริการควรนำแนวคิดทั้งหมดมาประยุคใช้ในสถาณการและการดพเนินกิจการจริงเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
    (ณัฐนพิน ชินวัฒนา 12590021)

    ตอบลบ
  73. การบริหารจัดการองค์กรเพื่อให้มีเอกภาพนั้น ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรโดยใช้หลักการจัดการ 14 ประการของอองรี ฟาโยล์ดังนี้
    1.การจัดแบ่งกลุ่มแรงงานตามความชำนาญ (Specialization of labor) การที่มีการแบ่งงานกันทำในแบบที่แต่ละคนมีเวลาที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนได้ ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    2.อำนาจหน้าที่ (Authority) การทำให้คนบริหารงานระดับต่างๆ มีสิทธิที่จะสั่งการ และมีอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง
    3.กฎระเบียบและวินัย (Discipline) การต้องมีกฎระเบียบที่คนจะต้องปฏิบัติตาม ไม่หย่อนยานและไม่มีคนบิดพลิ้ว
    4.ความเป็นเอกภาพทางคำสั่ง (Unity of command) คนทำงานแต่ละคนจะมีคนสั่งการเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ให้มีการออกคำสั่งและมีคนบริหารระดับรองลงไปนำไปบริหารจัดการอีกที่หนึ่ง (Each employee has one and only one boss.)
    5.ความเป็นเอกภาพในทิศทาง (Unity of direction) องค์กรต้องมีทิศทางที่ชัดเจน และมีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง มีแผนงานที่จะต้องร่วมกัน และแต่ละฝ่ายนำแผนไปปฏิบัติตามนั้น
    6.ผลประโยชน์ขององค์กรเหนือผลประโยชน์บุคคล (Subordination of Individual Interests) ในช่วงการทำงานนั้น งานย่อมต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งแนวคิดนี้เป็นความแตกต่างไปจากองค์กรแบบครอบครัวซึ่งมีในสมัยก่อนและแม้ในปัจจุบัน ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนงานและองค์กรแยกกันไม่ออก
    7.การมีระบบรางวัลค่าตอบแทน (Remuneration) ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับค่าตอบแทนจากบริการอย่างยุติธรรม และทางบริษัทหรือองค์กรก็ต้องปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้นั้น
    8.การบริหารงานแบบรวมศูนย์ (Centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9.การมีระบบสายบังคับบัญชา (Scalar Chain) หรือในภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า line of authority เป็นสายการบังคับบัญชาที่แต่ละฝ่ายจะรู้กันจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง คล้ายกับการสั่งการของกองทัพ
    10.การมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Order) ในการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ต้องมีคนจำนวนมาก และการสื่อสารต่างๆ ต้องมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดให้มีการจัดเก็บ ณ ที่ ๆ คนจะใช้เป็นที่อ้างอิงได้
    11.ความยุติธรรมและเสมอภาค (Equity) การได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเหมือนๆ กัน ทั้งนี้เป็นความแตกต่างจากระบบในสมัยก่อนหน้านั้นที่มีระบบพรรคพวก และญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันและไม่เสมอภาค
    12.ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Personnel Tenure) เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง มีการลาออกจากงานต่ำ จึงให้มีระบบการจ้างงานตลอดชีพ หรือจนเกษียณอายุสำหรับคนทำงานที่ดี
    13.การต้องมีความริเริ่ม (Initiative) ในการดำเนินการขององค์กรต้องมีการวางแผน คิดแผนที่จะต้องริเริ่ม และทำไปให้ได้ตามแผน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความแตกต่างจากการทำงานแบบกิจวัตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการปรับเปลี่ยนและการเติบโตขององค์กรได้
    14.การต้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกัน (Esprit de corps) ทั้งนี้เพื่อความราบรื่นในการทำงาน ความเป็นกลุ่มก้อน ความผูกพันของคนทำงาน
    (สิทธิชัย พ่อค้าเรือ 12590083)

    ตอบลบ
  74. แนวคิด ทฤษฎีกับการจัดคนให้เกิดงาน Work Force Management บทคัดย่อ ในโลกปัจจุบันนี้การจัดการธุรกิจ มีหลายๆภาคส่วนองค์กรให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรรัฐ องค์กรเอกชนหรือแม้กระทั่งองค์กรรัฐวิสาหกิจ และในแต่ละองค์กรก็ให้สารัตถะในการจัดการที่แตกต่างกันออกไป บางองค์กรมุ่งเน้นการจัดการที่ผลผลิตอย่างสุดโต้ง บางองค์กรมุ่งเน้นการบริหารทรัพยากรบุคคลให้เป็นเลิศ หรือ บางองค์กรมุ่งเน้นรายได้เป็นหลักชัย แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกองค์กรต้องการจะเป็นเหมือนกันคือ การมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งทางธุรกิจ นั่นคือหัวใจหลักที่องค์กรต้องพิชิตให้ได้ อีกนัยหนึ่งองค์กรเปรียบเสมือนบอลลูนลูกใหญ่ที่มีสะสารภายในเป็นเสมือนระบบที่สนับสนุนให้บอลลูนสามารถลอยอยู่ได้หรือตกลงมาสู่พื้นดิน และสิ่งที่จะทำให้ระบบเป็นระบบได้นั่นก็คือ การจัดการระบบองค์กร จะกล่าวถึง ผู้ที่เป็นตำนานด้านการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) คนแรกคือ เฟรเดอริค วินสโลว์ เทย์เลอร์ ที่มีแนวคิดแบบคลาสลิคที่ให้ความสำคัญต่อปริมาณมากกว่าคุณภาพการผลิต ร่วมด้วยอองรี ฟาโยล์ ผู้ที่ให้นิยามเรื่องการจัดการกับพื้นฐาน 14 ข้อ

    แบ่งงานกันทำ
    อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
    วินัย
    เอกภาพของการบังคับบัญชา
    เอกภาพของทิศทางในการทำงาน
    การเน้นผลประโยชน์ร่วมกันเหนือผลประโยชน์ส่วนบุคคล
    การจ่ายค่าตอบแทนให้แก่บุคคล
    การรวมศูนย์อำนาจ
    สายงานของอำนาจหน้าที่
    การจัดระเบียบ
    ความเสมอภาค
    ความมีเสถียรภาพของการจ้างงาน
    การริเริ่มสร้างสรรค์
    ขวัญและกำลังใจของบุคลากร
    (พงศธร ศิริสมบูรณ์ 12590052)

    ตอบลบ
  75. การจัดการเชิงบริหารริเริ่มกำหนดกิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ หน้าที่ทางการจัดการคุณลักษณะของผู้จัดการและหลักการจัดการเพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรตามหลักการแนวคิดการจัดการเชิงบริหาร
    1.การแบ่งงานกันทำ(Division of Work)แบ่งงานกันทำตามความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะด้านเพื่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในการทำงาน
    2.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ(Authority and Responsibilities)กำหนดให้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นของคู่กัน ดังนั้นในการทำงานใดๆ หากมีการให้อำนาจหน้าที่ก็จะต้องให้ความรับผิดชอบในงานนั้นๆด้วย และหากให้ความรับผิดชอบก็จะต้องมอบอำนาจหน้าที่ให้ด้วย
    3.ระเบียบวินัย(Discipline)ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4.เอกภาพในการบังคับบัญชา(Unity of Command)การที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวเพื่อมิให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสับสน
    5.เอกภาพในแนวทาง(Unity of Direction)ส่วนต่างๆขององค์กรควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6.ประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ประโยชน์ส่วนรวม(Subordination of Individual to General Interest)บุคลากรในองค์กรต้องยึดถือผลประโยชน์โดยรวมขององค์กรสำคัญกว่าผลประโยชน์ของแต่ละบุคคล
    7.ผลประโยชน์ตอบแทน(Remuneration)การกำหนดค่าตอบแทนต้องชัดเจนและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
    8.การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง(Centralization)การกำหนดศูนย์กลางในการใช้อำนาจไว้ที่ผู้บังคับบัญชาโดยผู้บังคับบัญชาอาจกระจายอำนาจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาตามควรแก่กรณี
    9.การจัดสายการบังคับบัญชา(Scalar Chain)การบริหารงานต่างๆภายในองค์กรจะต้องระบุสายงานการบังคับบัญชาทั้งแนวดิ่งและแนวราบให้ชัดเจนโดยเฉพาะการจัดลำดับสายงานจากผู้บริหารสูงสุด ไปจนถึงพนักงานระดับล่างสุด เพื่อให้เข้าใจนางทางการติดต่อสื่อสาร การรายงานผลการปฏิบัติงานและการสั่งการภายในองค์กรที่ชัดเจน
    10.การสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย(Order)การจัดการวัสดุอุปกรณ์ต่างๆจะต้องจัดเก็บให้เป็นระบบระเบียบและจัดวางไว้ยังตำแหน่งที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ
    11.ความเสมอภาค(Equity)การสร้างความยุติธรรมในการทำงานโดยเน้นพิจารณาความดีความชอบจากผลงานที่มีความสำเร็จหรือผลงานเสมอกันจะได้รับผลตอบแทนเท่าเทียมกัน
    12.ความมั่นคงในการจ้างงาน(Stability of Tenure)การสร้างความรู้สึกมั่นคงในการจ้างงานให้แก่พนักงานไม่รู้สึกหวาดหวั่นต่อความรู้สึกที่อาจถูกเลิกจ้างในเวลาใดก็ได้
    13.ความคิดริเริ่ม(Initiative)การส่งเสริมให้สมาชิกขององค์กรได้มีความกล้าที่จะแสดงความคิดริเริ่มในการทำงาน
    14.ความสามัคคี(Esprit de Corps)การส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร
    (ธนพล โชครัตน์ประภา 12590033)

    ตอบลบ
  76. การจัดการเชิงบริหาร ( Administrative Management) เน้นและให้ความสำคัญกับผู้บริหารเป็นหลัก ดังนั้นจึงมีความเชื่อว่าหลักการจัดการอันเป็นสากลสามารถทำให้องค์การประสบความสำเร็จ ซึ่งผู้ที่มีบทบาทต่อการพัฒนาแนวคิดการจัดการเชิงบริหาร
    คือ Henry Fayol ตามแนวความคิด Fayol เชื่อว่าการบริหารเป็นสิ่งที่สามารถสอนกันได้ดังนั้น Fayol จึงพยายามสร้างหลักการต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้บริหารหลักการบริหาร ได้ดังนี้
    หน้าที่ทางการจัดการ 5 ประการ ได้แก่
    1. การวางแผน (Planning) 2. การจัดองค์การ (Organizing) 3. การสั่งการ (Commanding)
    4. การประสานงาน (Coordinating) 5. การควบคุม (Controlling)
    กิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ 6 ประการ ได้แก่
    1.เทคนิคและการผลิต (Technical & Production) 2.การพาณิชย์การเงิน (Commercial)
    3.ความมั่งคง (Security) 4.การบัญชี (Accounting 5.การจัดการ (Management)
    นอกจากนี้ Fayol ยังคิดค้นหลักการจัดการขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้บริหารทำงานและประสบความสำเร็จ คือ
    1. การแบ่งงานกันทำ แบ่งงานกันทำตามความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะด้านเพื่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในการทำงาน
    2. อำนาจหน้าที่ กำหนดให้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นของคู่กัน
    3. เอกภาพการสั่งการ ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4. วินัย การที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวเพื่อมิให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสับสน
    5. เอกภาพในทิศทาง ส่วนต่างๆขององค์กรควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6. เน้นผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว บุคลากรในองค์กรต้องยึดถือผลประโยชน์โดยรวมขององค์กรสำคัญกว่าผลประโยชน์ของแต่ละบุคคล
    7. ผลตอบแทนต้องยุติธรรม การกำหนดค่าตอบแทนต้องชัดเจนและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
    8. ควรกระจายอำนาจในการทำงาน การกำหนดศูนย์กลางในการใช้อำนาจไว้ที่ผู้บังคับบัญชาโดยผู้บังคับบัญชาอาจกระจายอำนาจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาตามควรแก่กรณี
    9. สายการบังคับบัญชา )การบริหารงานต่างๆภายในองค์กรจะต้องระบุสายงานการบังคับบัญชาทั้งแนวดิ่งและแนวราบให้ชัดเจนโดยเฉพาะการจัดลำดับสายงานจากผู้บริหารสูงสุด ไปจนถึงพนักงานระดับล่างสุด เพื่อให้เข้าใจนางทางการติดต่อสื่อสาร การรายงานผลการปฏิบัติงานและการสั่งการภายในองค์กร
    10. ระเบียบ การจัดการวัสดุอุปกรณ์ต่างๆจะต้องจัดเก็บให้เป็นระบบระเบียบและจัดวางไว้ยังตำแหน่งที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ
    11. ความยุติธรรม การสร้างความยุติธรรมในการทำงานโดยเน้นพิจารณาความดีความชอบจากผลงานที่มีความสำเร็จหรือผลงานเสมอกันจะได้รับผลตอบแทนเท่าเทียมกัน
    12. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน การสร้างความรู้สึกมั่นคงในการจ้างงานให้แก่พนักงานไม่รู้สึกหวาดหวั่นต่อความรู้สึกที่อาจถูกเลิกจ้างในเวลาใดก็ได้
    13. ควรมีความคิดริเริ่ม การส่งเสริมให้สมาชิกขององค์กรได้มีความกล้าที่จะแสดงความคิดริเริ่มในการทำงาน
    14. ต้องมีความสามัคคี การส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร
    (คณภัทร์ ศิริโยธิน 12590108)

    ตอบลบ
  77. การบริหารจัดการองค์กรเพื่อให้มีเอกภาพนั้น ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรโดยใช้หลักการจัดการ 14 ประการของอองรี ฟาโยล์ดังนี้
    1. การจัดแบ่งกลุ่มแรงงานตามความชำนาญ (Specialization of labor) การที่มีการแบ่งงานกันทำในแบบที่แต่ละคนมีเวลาที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนได้ ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    2. อำนาจหน้าที่ (Authority) การทำให้คนบริหารงานระดับต่างๆ มีสิทธิที่จะสั่งการ และมีอำนาจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง
    3. กฎระเบียบและวินัย (Discipline) การต้องมีกฎระเบียบที่คนจะต้องปฏิบัติตาม ไม่หย่อนยานและไม่มีคนบิดพลิ้ว
    4. ความเป็นเอกภาพทางคำสั่ง (Unity of command) คนทำงานแต่ละคนจะมีคนสั่งการเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ให้มีการออกคำสั่งและมีคนบริหารระดับรองลงไปนำไปบริหารจัดการอีกที่หนึ่ง (Each employee has one and only one boss.)
    5. ความเป็นเอกภาพในทิศทาง (Unity of direction) องค์กรต้องมีทิศทางที่ชัดเจน และมีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง มีแผนงานที่จะต้องร่วมกัน และแต่ละฝ่ายนำแผนไปปฏิบัติตามนั้น
    6. ผลประโยชน์ขององค์กรเหนือผลประโยชน์บุคคล (Subordination of Individual Interests) ในช่วงการทำงานนั้น งานย่อมต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งแนวคิดนี้เป็นความแตกต่างไปจากองค์กรแบบครอบครัวซึ่งมีในสมัยก่อนและแม้ในปัจจุบัน ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนงานและองค์กรแยกกันไม่ออก
    7. การมีระบบรางวัลค่าตอบแทน (Remuneration) ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับค่าตอบแทนจากบริการอย่างยุติธรรม และทางบริษัทหรือองค์กรก็ต้องปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้นั้น
    8. การบริหารงานแบบรวมศูนย์ (Centralization) ในการบริหารงานนั้นจะมีศูนย์รวมของอำนาจอยู่ ณ จุดเดียว การตัดสินใจต่างๆ จะเริ่มมาจากเบื้องบนลงมาเป็นลำดับ
    9. การมีระบบสายบังคับบัญชา (Scalar Chain) หรือในภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า line of authority เป็นสายการบังคับบัญชาที่แต่ละฝ่ายจะรู้กันจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง คล้ายกับการสั่งการของกองทัพ
    10. การมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Order) ในการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ต้องมีคนจำนวนมาก และการสื่อสารต่างๆ ต้องมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดให้มีการจัดเก็บ ณ ที่ๆ คนจะใช้เป็นที่อ้างอิงได้
    11. ความยุติธรรมและเสมอภาค (Equity) การได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเหมือนๆ กัน ทั้งนี้เป็นความแตกต่างจากระบบในสมัยก่อนหน้านั้นที่มีระบบพรรคพวก และญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันและไม่เสมอภาค
    12. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน (Personnel Tenure) เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง มีการลาออกจากงานต่ำ จึงให้มีระบบการจ้างงานตลอดชีพ หรือจนเกษียณอายุสำหรับคนทำงานที่ดี
    13. การต้องมีความริเริ่ม (Initiative) ในการดำเนินการขององค์กรต้องมีการวางแผน คิดแผนที่จะต้องริเริ่ม และทำไปให้ได้ตามแผน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความแตกต่างจากการทำงานแบบกิจวัตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการปรับเปลี่ยนและการเติบโตขององค์กรได้
    14. การต้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกัน (Esprit de corps) ทั้งนี้เพื่อความราบรื่นในการทำงาน ความเป็นกลุ่มก้อน ความผูกพันของคนทำงาน

    (ธนกฤติ สาสนทาญาติ 12590032)

    ตอบลบ
  78. การจัดการเชิงบริหารริเริ่มกำหนดกิจกรรมหลักในองค์กรธุรกิจ หน้าที่ทางการจัดการคุณลักษณะของผู้จัดการและหลักการจัดการเพื่อให้การบริหารจัดการองค์กรมีเอกภาพ ผู้บริหารควรนำหลากแนวคิดทางการจัดการเชิงบริหารมาปฏิบัติในองค์กรตามหลักการแนวคิดการจัดการเชิงบริหาร
    1.การแบ่งงานกันทำ(Division of Work)แบ่งงานกันทำตามความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะด้านเพื่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในการทำงาน
    2.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ(Authority and Responsibilities)กำหนดให้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นของคู่กัน ดังนั้นในการทำงานใดๆ หากมีการให้อำนาจหน้าที่ก็จะต้องให้ความรับผิดชอบในงานนั้นๆด้วย และหากให้ความรับผิดชอบก็จะต้องมอบอำนาจหน้าที่ให้ด้วย
    3.ระเบียบวินัย(Discipline)ผู้บริหารต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน
    4.เอกภาพในการบังคับบัญชา(Unity of Command)การที่ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวเพื่อมิให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสับสน
    5.เอกภาพในแนวทาง(Unity of Direction)ส่วนต่างๆขององค์กรควรมีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    6.ประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองประโยชน์ประโยชน์ส่วนรวม(Subordination of Individual to General Interest)บุคลากรในองค์กรต้องยึดถือผลประโยชน์โดยรวมขององค์กรสำคัญกว่าผลประโยชน์ของแต่ละบุคคล
    7.ผลประโยชน์ตอบแทน(Remuneration)การกำหนดค่าตอบแทนต้องชัดเจนและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
    8.การรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง(Centralization)การกำหนดศูนย์กลางในการใช้อำนาจไว้ที่ผู้บังคับบัญชาโดยผู้บังคับบัญชาอาจกระจายอำนาจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาตามควรแก่กรณี
    9.การจัดสายการบังคับบัญชา(Scalar Chain)การบริหารงานต่างๆภายในองค์กรจะต้องระบุสายงานการบังคับบัญชาทั้งแนวดิ่งและแนวราบให้ชัดเจนโดยเฉพาะการจัดลำดับสายงานจากผู้บริหารสูงสุด ไปจนถึงพนักงานระดับล่างสุด เพื่อให้เข้าใจนางทางการติดต่อสื่อสาร การรายงานผลการปฏิบัติงานและการสั่งการภายในองค์กรที่ชัดเจน
    10.การสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย(Order)การจัดการวัสดุอุปกรณ์ต่างๆจะต้องจัดเก็บให้เป็นระบบระเบียบและจัดวางไว้ยังตำแหน่งที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ
    11.ความเสมอภาค(Equity)การสร้างความยุติธรรมในการทำงานโดยเน้นพิจารณาความดีความชอบจากผลงานที่มีความสำเร็จหรือผลงานเสมอกันจะได้รับผลตอบแทนเท่าเทียมกัน
    12.ความมั่นคงในการจ้างงาน(Stability of Tenure)การสร้างความรู้สึกมั่นคงในการจ้างงานให้แก่พนักงานไม่รู้สึกหวาดหวั่นต่อความรู้สึกที่อาจถูกเลิกจ้างในเวลาใดก็ได้
    13.ความคิดริเริ่ม(Initiative)การส่งเสริมให้สมาชิกขององค์กรได้มีความกล้าที่จะแสดงความคิดริเริ่มในการทำงาน
    14.ความสามัคคี(Esprit de Corps)การส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีระหว่างสมาชิกในองค์กร
    (สมภพ ขุนทรง 12590079)

    ตอบลบ

         7.จงเปรียบเทียบความเหมือนหรือความแตกต่างของบริหารจัดการโดยหาวิธีที่ดีที่สุดกับการบริหารจัดการที่เหมาะสมที่สุด